“วอเตอร์เครส” จัดเป็นผักพื้นบ้านต่างประเทศอีกชนิดหนึ่งที่ฝรั่งนิยมบริโภคกันมาก เนื่องจากมีธาตุแคลเซียมสูงกว่านมสด, มีธาตุเหล็กสูงกว่าผักโขม นอกจากนั้นยังมีวิตามินเอ, ซีและอีสูงกว่าผักธรรมดา นอกจากนั้นยังมีรายงานถึงคุณประโยชน์ของผักวอเตอร์เครสมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ เมื่อบริโภคมีส่วนช่วยในการฆ่าเซลล์มะเร็งและป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ คนฝรั่งจะนำผักชนิดนี้มาทำเป็นไส้ของแซนด์วิช, ทำซุป ฯลฯ ผู้เขียนเคยไปดูงานที่เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว ผักวอเตอร์เครสที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติขายดีมาก คนลาวจะเรียกผักวอเตอร์เครสว่า “ผักน้ำ”
 

คุณสมร เทียมมงคล ได้พันธุ์ผักวอเตอร์เครสมาจากนักศึกษาไทยที่ไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศออสเตรเลียและได้นำมาปลูกที่ จ.ลพบุรี โดยคุณสมรบอกว่าผักชนิดนี้เป็นผักที่เจริญเติบโตเร็วและชอบน้ำมาก ไม่ชอบแดดจัด ดังนั้นสภาพพื้นที่ปลูกจะต้องมุงด้วยตาข่ายพรางแสงอย่างน้อย 80% วิธีการปลูกจะใช้วิธีการปักชำโดยใช้กรรไกรคม ๆ ตัดยอดแม่พันธุ์ผักวอเตอร์เครสให้มีความยาว 2 นิ้วหรือให้มีจำนวนข้อประมาณ 5 ข้อ การปักชำคล้ายกับการดำนาคือเมื่อปักยอดพันธุ์ลงดินไปแล้วกดดินรอบ ๆ ให้แน่น 1 หลุมจะใช้ยอดพันธุ์ประมาณ 5-10 ยอด ระยะปลูกใช้ประมาณ 1 คืบมือ X 1 คืบมือ หลังจากปลูกไปได้เพียง 1 เดือนจะตัดยอดขายได้โดยตัดยอดให้มีความยาวประมาณ 2 นิ้ว คุณสมรบอกว่าในการปลูกวอเตอร์เครสแต่ละรุ่นจะเก็บเกี่ยวยอดได้ราว 5 ครั้งถ้าทำแปลงปลูกขนาดความกว้างและความยาวของแปลง 2 เมตร และ 6 เมตร จะเก็บผักวอเตอร์เครสได้น้ำหนักเฉลี่ย 50 กิโลกรัม ราคาขายเฉลี่ยกิโลกรัมละ 100 บาท สำหรับคุณสมรจะบรรจุหีบห่อถุงละ 100 กรัม (1 ขีด) ราคา 10 บาท ข้อควรระวังในขณะที่บรรจุยอดผักวอเตอร์เครสลงในถุงไม่ควรให้มีเศษใบที่ร่วงหรือใบที่หลุดออกจากยอดติดไป     ในถุงด้วย เพราะจะเป็นต้นเหตุให้อายุของการวางตลาดน้อยลง (เศษของใบวอเตอร์เครสจะเน่าก่อนและทำให้ส่วนอื่น ๆ เน่าตามไปด้วย)

 ในเรื่องของการดูแลรักษาวอเตอร์เครส คุณสมรบอกว่าเป็นผักที่ชอบธรรมชาติมากและผลิตในรูปแบบเกษตรอินทรีย์ในการให้ปุ๋ยจะให้ปุ๋ยหมัก, ปุ๋ยคอกเก่าและปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพเป็นหลัก จะได้ต้นผักวอเตอร์เครสที่ยอดอวบอ้วนและใบใหญ่เขียว ด้วยคุณสมรมีอาชีพในการเพาะถั่วงอกตัดรากแบบอินทรีย์จำเป็นจะต้องใช้น้ำในปริมาณมากและเป็นน้ำที่สะอาด น้ำที่ล้างถั่วงอกไปแล้วนำไปรดให้กับต้นวอเตอร์เครส จากที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้นว่าผักชนิดนี้จะชอบน้ำมาก เกษตรกรจะต้องให้น้ำทุกวันโดยเฉพาะช่วงแรกของการปักชำ    เพื่อให้ต้นตั้งตัวและรากออกได้เร็ว ปัญหาในการปลูก  ที่พบส่วนใหญ่จะพบในช่วงฤดูฝนคือโรคที่เกิดจากเชื้อราทำให้ยอดเป็นสีแดง ใช้วิธีการตัดทิ้งเพื่อให้แตกยอดออกมาใหม่.