เข้าสู่เว็บสำนักหอสมุดฯ


รายละเอียดข้อมูล
เรื่อง :
อินทผลัม พืชแถบทะเลทราย ให้ผลดีในเมืองไทย ที่ไชยปราการ
   
ปัญหา :
 
 
ประมาณปี 2549 ผู้เขียนได้เคยนำเสนอเรื่องราวของอินทผลัมมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่เป็นเพียงผลงานที่เริ่มต้นของสวนอินทผลัมแห่งนี้

ทุกวันนี้มีต้นให้ชมและถ่ายภาพเพิ่มขึ้น มีผลผลิตที่เป็นพวงเต็มต้นทุกต้น ผลสวยงามให้รับประทานอย่างหวานสดชื่น ชุ่มคอ คุณภาพดีกว่าซื้อมาจากต่างประเทศ

อินทผลัมที่รับประทานกันทุกวันนี้ ส่วนใหญ่จะสั่งมาจากประเทศจอร์แดน และประเทศแถบตะวันออกกลาง ซึ่งราคาแพงกว่า ต้องเสียค่าขนส่งแพง และคุณภาพยังเทียบไม่ได้กับผลผลิตอินทผลัมที่สวนโกหลัก

ถึงปี 2550 ผลผลิตสวนโกหลักเพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อน เนื่องจากอายุการให้ผลผลิตของต้นอินทผลัมมากขึ้น นักวิชาการเกษตรได้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้เพื่อเผยแพร่แก่ผู้สนใจปลูกอินทผลัมเป็นอาชีพ

คุณศักดิ์ ลำจวน หรือ โกหลัก จบการศึกษาจากวิทยาลัยเกษตรกรรมแม่โจ้ (สมัยนั้น) ปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยแม่โจ้ รุ่นที่ 36 ประกอบอาชีพส่วนตัวด้วยการจำหน่ายปุ๋ย สารเคมีและวัสดุการเกษตรต่างๆ พร้อมกับทำสวนลำไยไปด้วยที่อำเภอไชยปราการ ทุกปีจะมีบริษัทภาคเอกชนที่เป็นตัวแทนจำหน่ายวัสดุการเกษตรนำร้านค้าหรือตัวแทนไปทัศนศึกษาต่างประเทศ

ครั้งหนึ่งได้ไปดูงานด้านการเกษตรที่ประเทศอิสราเอลและให้ความสนใจกับการปลูกอินทผลัม

ในประเทศไทยมีอยู่หลายสายพันธุ์ แต่ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับเท่านั้น บางพันธุ์มีผลรับประทานได้แต่ผลเล็กๆ เนื้อน้อย เมล็ดใหญ่ จึงได้ขอซื้อต้นอินทผลัมลูกผสมบาไฮ จำนวน 10 ต้น นำมาปลูกที่สวนในเขตอำเภอไชยปราการ ทำการปลูกดูแลรักษาเป็นอย่างดี ในปี 2548 เริ่มมีผลผลิตออกมาให้เห็นเป็นครั้งแรก จึงได้เริ่มให้ความสนใจมากขึ้น ดูแลรักษา ใส่ปุ๋ยคอก รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ พยายามค้นหาข้อมูลทางวิชาการและทางอินเตอร์เน็ตก็มีน้อยมาก หรือพิมพ์เป็นตำราแทบจะไม่มีเลย มีเพียงข้อมูลส่วนตัวของนักวิชาการบางคนที่ต้องใช้เวลาศึกษานานถึง 10 ปี จึงพยายามศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง

ดังนั้น ในปี 2549 จึงพบและสรุปได้ว่า ในต่างประเทศต้องใช้เวลาปลูกนานถึง 7 ปี แต่ที่ปลูกในสวนให้ผลผลิตเพียง 3 ปี มีรสชาติหวานกรอบ เนื้อมาก เมล็ดเล็ก รับประทานได้ทั้งดิบและสุก เก็บไว้ได้นาน อีกทั้งเมื่อให้ผลผลิตจะมีสีเหลืองทั้งต้น จึงเป็นไม้มงคลที่ควรจะขยายพันธุ์และเก็บเกี่ยวได้อีกนาน ต่อมาได้ประสานงานกับกรมวิชาการเกษตร เพื่อให้ได้ใบรับรองการจัดการสวนในระบบการจัดการที่ดี พร้อมกับตั้งชื่ออินทผลัมพันธุ์ที่ค้นพบใหม่นี้ว่า พันธุ์ KL. 1 (แม่โจ้ 36) เพื่อเป็นเกียรติแก่สถาบันการศึกษาและรุ่น 36

จากการศึกษาด้วยตนเองจนถึงขณะนี้ คุณศักดิ์ ลำจวน หรือ โกหลัก จึงพร้อมที่จะให้คำแนะนำแก่เกษตรกรทั่วไปแล้ว



การปลูกและดูแลรักษา

การปลูกอินทผลัมมีข้อคิดอยู่ว่า ควรเลือกพื้นที่ที่มีแดดจัด ไม่มีน้ำขังแฉะ แต่มีปริมาณน้ำอย่างพอเพียง เพื่อให้มีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเลือกพื้นที่ได้แล้ว จึงเริ่มเตรียมดินจากการขุดหลุมขนาด 50x50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ต้นที่นำลงปลูกไม่ควรให้ลงลึกใต้ดินมากนัก โคนต้นสูงจากพื้นดินประมาณ 1 ฝ่ามือ จะช่วยให้ต้นโตเร็วขึ้น ระยะปลูกระหว่างต้นและระหว่างแถวประมาณ 8x8 เมตร หรือ 8x7 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ 25-30 ต้น หลังจากปลูกควรให้น้ำประมาณ 7 วัน ต่อครั้ง การใส่ปุ๋ยควรใช้ปุ๋ยคอกปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 5 กิโลกรัม ต่อต้น พร้อมกับการพรวนดินและกำจัดวัชพืช ควรมีการตัดแต่งใบที่แก่ทิ้ง เพื่อให้ทรงต้นสะอาด ไม่มีแมลงรบกวน และสะดวกในการปฏิบัติงาน

ในระยะที่ผลเริ่มโตแล้ว ควรสังเกตน้ำหนักของทะลาย ทางที่ดีควรใช้เชือกหรือยางในรถจักรยานยนต์ มัดทะลายกับลำต้นเพื่อป้องกันการฉีกขาด และจะทำได้สะดวกกว่ารอให้ผลสุกหรือมีปริมาณมากเกินไป ขณะที่ผลเริ่มสุกควรใช้กระดาษสีน้ำตาลคลุมทั้งทะลาย เพื่อป้องกันศัตรู เช่น นก ค้างคาว และยังเป็นการช่วยให้สีของผลอินทผลัมสีเหลืองสวยงาม และช่วยป้องกันรอยขีดข่วนที่เกิดจากใบของอินทผลัมถูกลมพัด ทำให้ผลเป็นรอยแผล ไม่สวยงาม และอาจจะเน่าเสียได้



วิธีการเก็บเกี่ยวและรักษาผลผลิต

ต้นอินทผลัมที่เริ่มปลูกจะให้ผลผลิตเมื่ออายุประมาณ 3 ปีขึ้นไป ขึ้นกับสภาพดินและการดูแลรักษา ลักษณะของผลจะกลมรี ออกผลเป็นพวงหรือเป็นทะลาย การพัฒนาของผลจะมี 4 ระยะ คือ ระยะที่ผลดิบ ระยะผลสมบูรณ์เต็มที่ ระยะผลสุกแก่ และระยะผลแห้ง

การเก็บเกี่ยวสังเกตที่สีของผล คือจะมีสีเหลืองเข้มมากหรือมีผลสุก 5-10% จึงทยอยเก็บเกี่ยวไปได้เรื่อยๆ แล้วแต่ทะลายที่สุกหรือแก่จัด ระยะเวลาที่อินทผลัมออกดอกจนถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 7-8 เดือน เมื่อเก็บเกี่ยวผลอินทผลัมที่ผลสุกแก่แล้ว ควรเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิประมาณ 8 องศาเซลเซียส จะสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 1 ปี



การผสมเกสร

การปลูกอินทผลัมให้ประสบความสำเร็จ นอกจากการคัดเลือกพื้นที่ให้เหมาะสมแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การผสมเกสร เนื่องจากอินทผลัมเป็นพืชที่มีเกสรตัวเมียและเกสรตัวผู้อยู่คนละต้นกัน เรียกง่ายๆ ว่า ต้นเพศผู้และต้นเพศเมีย หากปล่อยให้ผสมกันเองตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นโดยลมหรือแมลงนั้น จะทำให้ได้ผลผลิตน้อยและไม่สมบูรณ์เต็มที่ ดังนั้น การช่วยผสมเกสรให้ได้ผลผลิตมากนั้นจะต้องใช้เทคนิคช่วยในการผสมเกสร



วิธีการเก็บเกสรเพศผู้

จะต้องเก็บเกสรเพศผู้สำรองไว้ก่อน ในระยะออกดอกให้สังเกตจั่นที่แทงออกมา เมื่อจั่นแตกจะเห็นดอกข้างใน เป็นดอกที่มีกลีบดอกเป็นแฉกคล้ายหางกระรอก ใช้ถุงพลาสติคคลุมยอดดอกทั้งหมด แล้วเขย่าเพื่อให้ละอองเกสรดอกตัวผู้หล่นอยู่ในถุง จากนั้นจึงไล่อากาศภายในถุงออกให้หมด ปิดปากถุงให้แน่นแล้วนำไปเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อรอเวลานำไปผสมกับเกสรตัวเมีย



การผสมเกสรเพศเมีย

ต้นตัวเมียจะออกจั่นเหมือนเพศผู้ แต่เวลาจั่นแตกดอกของดอกตัวเมียจะมีดอกเป็นช่อเม็ดกลมๆ เมื่อจั่นเริ่มแตกให้นำละอองเกสรตัวผู้ที่เก็บสำรองไว้ในตู้เย็นนั้นมาผสมกับเกสรตัวเมีย ใช้เกสรตัวผู้ใส่ในถุงพลาสติค ประมาณ 1/3 ช้อนชา ต่อ 1 ช่อดอกตัวเมีย ใช้เกสรตัวผู้ที่แยกใส่ถุงพลาสติคครอบช่อจั่นตัวเมียแล้วเขย่าให้ละอองเกสรตัวผู้ฟุ้งกระจายและติดกับเกสรตัวเมีย ทำซ้ำเช่นนี้ประมาณ 1-2 วัน ก็จะได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและปริมาณมาก ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการช่วยผสมนี้ควรเป็นช่วงเช้า เนื่องจากเป็นเวลาที่อากาศไม่ร้อนจัดและความชื้นในอากาศมีน้อย

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บ้านสวนโกหลัก 37 หมู่ที่ 1 ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ 50320 โทรศัพท์ (053) 457-081, (089) 855-6569, (081) 952-1989
วิธีแก้ไข :
 
ที่อยู่
 
หมู่บ้าน :
ตำบล / แขวง :
อำเภอ / เขต :
จังหวัด :
เชียงใหม่
รหัสไปรษณีย์ :
ภาค :
ภาคเหนือ
แหล่งข้อมูล
 
แหล่งที่มา :
เทคโนโลยีชาวบ้าน : วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 20 ฉบับที่ 420
 

ย้อนกลับ


   
วัตถุประสงค์โครงการ
   
จำแนกปัญหาตามภูมิภาค
จำแนกปัญหาตามจังหวัด
จำแนกปัญหาตามประเภท
สืบค้นตามชื่อเรื่องแบบใช้คีย์เวิร์ด
สรุปภาพรวมของปัญหา
สรุปประเภทปัญหาตามแผนที่ภูมิภาค
สรุปประเภทปัญหาตามแผนที่จังหวัด
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สารสนเทศเกษตร
เกษตรพลิกฟื้นชาติ
สารพันความรู้
กรมส่งเริมการเกษตร
ห้องสมุดกรมวิชาการเกษตร
เทคโนโลยีชาวบ้าน
หนังสือพิมพ์มติชน
ติดต่อ E-mail : คลิกที่นี่
 
 

สถิติจาก truehit.net

   


Download Acrobat Reader

Best view with IE 5.0 or later version at 800x600
All comments please mail to
Webmaster

This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร 0 2201 7256 แฟกซ์ 0 2201 7265
Email : info@dss.go.th
ปรับปรุง : Tuesday, May 2, 2017 11:07 PM