เข้าสู่เว็บสำนักหอสมุดฯ


รายละเอียดข้อมูล
เรื่อง :
พ.อ.อ.กิติ ชุ่มสกุล กับงานพัฒนาพันธุ์มะขามป้อมยักษ์
   
ปัญหา :
 
 
เดิมที มะขามป้อมยักษ์ เป็นผลไม้ป่าที่มีคุณค่าแต่ด้อยด้วยราคา คนไทยจึงได้มองข้ามความสำคัญของผลไม้ชนิดนี้ไป มะขามป้อมเป็นพืชที่ขึ้นอยู่ทั่วไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว พม่า เขมร อินเดีย จีน ฯลฯ ประเทศไทยพบเห็นขึ้นประปรายเป็นหมู่ๆ ตามป่าเบญจพรรณแล้ง ป่าเต็งรัง และป่าแดงทั่วๆ ไป มีมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางของประเทศไทย ปัจจุบัน นักวิจัยจากสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารกับ นักวิจัยจากสถาบันต่างๆ คิดค้นหาความจริงว่าในผลไม้ป่าที่ชื่อ "มะขามป้อม" นั้น มันมีคุณประโยชน์ทางด้านใดบ้าง ความจริงในต่างประเทศเขาทำกันมานานแล้ว จนกระทั่งผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ออกมาในรูปของอาหารบ้าง เป็นยารักษาโรคต่างๆ บ้าง เป็นผลิตภัณฑ์ทางด้านความสวยความงามก็มี เท่าที่ทราบบางประเทศเขาจดสิทธิบัตรกันบ้างแล้ว ก็มีจากผลงานวิจัยจากหลายประเทศพบตรงกันว่า มะขามป้อม จัดเป็นผลไม้ที่มีปริมาณของสารแทนนินสูง เป็นชนิดที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระต้านสารก่อมะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง กำจัดสารพิษจากโลหะหนักออกจากร่างกาย และในผลของมะขามป้อมมีปริมาณวิตามินซีมากที่สุดในบรรดาพืชทุกชนิดที่มีในโลก มะขามป้อมมีวิตามินซีมากกว่าส้มถึง 20 เท่า ในประเทศอินเดีย การนำมะขามป้อมมาทำเป็นน้ำมันบำรุงให้ผมดกดำ ป้องกันการหงอกก่อนวัย นำลูกมะขามป้อมมาฝานเป็นแว่นเล็กๆ ตากให้แห้งในที่ร่ม นำมาทอดในน้ำมันมะพร้าว ทอดจนเนื้อมะขามป้อมไหม้เกรียม แล้วกรองเก็บไว้ทาผมเป็นประจำ ยาน้ำมันนี้ถ้าได้เนื้อลูกสมอไทยและดอกชบาแดงใส่ลงไปทอดด้วย จะทำให้น้ำมันมีสรรพคุณดียิ่งขึ้น ซึ่งตำรับนี้โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้พัฒนามาเป็นน้ำมันหมักผมมะขาม ป้อม สมอไทย และได้ใส่ดอกอัญชันลงไปแทนดอกชบา ซึ่งได้รับความนิยมสูงมาก วิธีทำก็ง่ายๆ ตามที่เขียนไว้ในสูตร น้ำแช่ลูกมะขามป้อมแห้งสามารถบำรุงผมได้ ขั้นตอนก็คือ นำลูกมะขามป้อมแห้ง 1 กำมือ แช่ในน้ำ 1 ขัน แช่ไว้ตลอดคืน เมื่อเวลาสระผมเสร็จแล้ว ให้เอาน้ำแช่มะขามป้อมนี้ล้างเป็นน้ำสุดท้าย มีการศึกษาพบว่า สารในมะขามป้อมช่วยกระตุ้นการงอกของผม และมีการจดสิทธิบัตรส่วนผสมที่มีมะขามป้อมที่ใช้กับเส้นผม โดยปกติในบ้านเราจะพบเห็นผลมะขามป้อมที่มีขนาดของผลเล็ก แต่ถ้าผลที่ใหญ่ที่สุดจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 3.5 เซนติเมตร พ.อ.อ.กิ ติ ชุ่มสกุล บ้านเลขที่ 37/1 หมู่ที่ 4 ซอยวัดไร่ขิง ตำบลท่าตลาด อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โทร. (081) 943-2231 ได้ผลมะขามป้อมมาจากแม่ชีท่านหนึ่งที่ไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย แม่ชีท่านนี้ไปแสวงบุญบริเวณที่พระพุทธเจ้าประสูติและตรัสรู้ในอินเดีย ซึ่งมีมะขามป้อมทั้งพันธุ์ผลเล็กและผลใหญ่ สำหรับต้นมะขามป้อมที่มีผลใหญ่จะใหญ่มากๆ ท่านบอกว่าไม่เคยเห็นมะขามป้อมอะไรใหญ่โตขนาดนี้ ท่านได้นำเอาเมล็ดมาเพาะเป็นต้นกล้า ปลูกไว้บริเวณสำนักวิปัสสนาในประเทศไทย มีอยู่ 3 ต้น ที่มีลักษณะดี คือยังคงความใหญ่ของผลเหมือนเดิม แต่จะมีลักษณะและผลแตกต่างกันทั้ง 3 ต้น ต้นที่ 1 มีลักษณะผลกลมแป้น-แบน ผลเมื่อยังอ่อนมีสีเขียวอ่อน เมื่อเริ่มแก่สีจะเปลี่ยนเป็นขาวขุ่นคล้ายนมสด ให้ผลผลิตดกและมีผลทะวายตลอดทั้งปี ขนาดผลที่โตสุดมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้วเศษ น้ำหนักผลเฉลี่ย 50-75 กรัม ต่อผล เฉลี่ย 15-20 ผล ต่อกิโลกรัม ต้นที่ 2 มีลักษณะผลทรงกลม-มน ก้นย้อยกว่า ต้นที่ 1 ชัดเจนแต่ขนาดผลและน้ำหนักผลพอๆ กับต้นที่ 1 และต้นที่ 3 ลักษณะผลทรงกลม-มน ก้นย้อยเหมือนต้นที่ 2 แต่ก้นจะแหลมกว่าเล็กน้อย น้ำหนักพอกัน เมื่อนำมาปลูกและให้ผลผลิตแล้วพบว่ามีขนาดผลใหญ่มาก มีเส้นผ่าศูนย์กลางของผลประมาณ 4.5-5.5 เซนติเมตร หรือประมาณ 2 นิ้วเศษ ผลอ่อนมีสีเขียวอ่อนเมื่อผลแก่สีของผิวจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลือง เนื้อมีสีขาวนวลคล้ายน้ำนม แต่ละผลจะมีกลีบแบ่งเป็นช่วงๆ 6 กลีบ เมื่อนำผลแก่มารับประทานสดจะมีรสฝาด (ความฝาดเกิดจากสารแทนนิน) อมเปรี้ยวและติดขมเล็กน้อย แต่เมื่ออมไว้สักครู่จะหวานชุ่มคอ เมื่อดื่มน้ำตามลงไปจะยังหวานชุ่มคอเป็นเวลานาน แก้ไอและแก้กระหายน้ำได้ดีมาก ผลไม้ทรงคุณค่า แต่ด้อยราคา ในอดีต พ.อ.อ.กิติ ชุ่มสกุล (ปัจจุบัน อายุ 59 ปี) ยังเป็นเด็ก มีชาวบ้านทางแถบจังหวัดราชบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี รวบรวมผลมะขามป้อมมาขายให้พ่อค้าที่ไปรับซื้อเพื่อเอาไปขายต่ออีกที ซื้อขายกันเป็นปี๊บ ในราคาปี๊บละ 1.50 บาท เมื่อคิดเป็นน้ำหนัก น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม ต่อปี๊บ ซึ่งเมื่อคิดเป็นราคาต่อกิโลกรัมในสมัยนั้น ราคากิโลกรัมละ 7.50 สตางค์ เท่านั้น แทบทั้งหมดจะเก็บผลผลิตมะขามป้อมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และไม่มีการปลูกทดแทน ในขณะนั้นถือได้ว่า มะขามป้อมเป็นพืชที่ไม่มีราคา มีการโค่นทิ้งและนำพื้นที่ไปปลูกอ้อยและมันสำปะหลังแทน เนื่องจากได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า นอกจากนั้น ยังมีการทำลายต้นมะขามป้อมเพื่อนำไม้มาทำฟืนและเผาถ่าน ขายเป็นไม้เสาเข็มบ้าง ปัจจุบัน ยังหาต้นมะขามป้อมเพื่อนำมาเป็นเครื่องยาสมุนไพรได้ยากมาก โดยไม่ทราบว่า "มะขามป้อม" จัดเป็นไม้ผลที่ทรงคุณค่าแต่ด้อยราคา มะขามป้อมในฤดูกาลจะเก็บเกี่ยวและบริโภคได้ในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี ทำ ความรู้จักกับ มะขามป้อมยักษ์อินเดีย มะขามป้อมยักษ์ ที่ พ.อ.อ.กิติ ชุ่มสกุล เป็นสายพันธุ์ที่ได้มาจากประเทศอินเดีย คนอินเดียจะปลูกมะขามป้อมยักษ์ไว้ในบริเวณบ้าน โดยถือเป็นไม้มงคลเช่นเดียวกับคนไทยที่มีความเชื่อว่า ถ้าปลูกต้นมะขามป้อมไว้ในบริเวณบ้านจะทำให้ผู้คนเกรงขาม แต่มะขามป้อมมีอะไรที่มากกว่านั้น คนอินเดียจะเปรียบมะขามป้อมเสมือนแม่ที่คอยปกป้องลูก ซึ่งมีความหมายว่ามะขามป้อมมีคุณค่าในตัวของมันเองมากมายมหาศาล อีกทั้งพวกเขายังเชื่ออีกว่า ถ้ารับประทานผลมะขามป้อมเป็นประจำ จะทำให้สุขภาพร่างกายพวกเขาแข็งแรง สรรพคุณทางด้านสมุนไพรจะช่วยปรับสมดุลร่างกายให้มีความพอเหมาะพอดี การทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายก็จะเป็นไปตามปกติ โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นกับตัวเรา ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของมะขาม ป้อม ลักษณะทั่วไปของมะขามป้อม มะขามป้อมเป็นไม้ยืนต้น ขนาดกลางสูงประมาณ 8-12 เมตร โตเต็มที่วัดโดยรอบของต้นได้ประมาณ 80 เซนติเมตร ลำต้นคดงอ เปลือกนอกสีน้ำตาลอมเทา ผิวค่อนข้างเรียบ เปลือกนอกสีน้ำตาลอมเทา ผิวค่อนข้างเรียบ เปลือกในสีชมพูสด เรือนยอดแผ่กระจายรูปทรงกลม ปลายกิ่งมักลู่ลง พุ่มใบโปร่ง เนื้อไม้สีแดงอมน้ำตาล ลักษณะใบเป็นช่อ แต่ละช่อมีใบย่อยเล็กๆ รูปขอบขนานติดเป็นคู่ๆ เยื้องๆ กัน ปลายใบมน มีรอยหยักเว้าเล็กน้อย ขอบใบเรียบ สีเขียวอ่อน กว้าง 0.25-0.50 เซนติเมตร ยาว 0.8-1.2 เซนติเมตร เรียงชิดกัน ก้านใบสั้นมาก ใบย่อยจำนวน 22 คู่ เส้นใบไม่ชัดเจน เส้นกลางใบเห็นได้รางๆ สำหรับดอกมะขามป้อมมีดอกเล็ก สีขาวนวล แยกเพศกัน แต่เกิดบนกิ่งและต้นเดียวกัน ออกดอกตามง่ามใบ 3-5 ดอก มีกลีบรองดอก 6 กลีบ ดอกเพศผู้มีเกสรเพศผู้ 3 อัน ฐานรองดอกมี 6 แฉก ดอกเพศเมียมีฐานรองดอกเป็นรูปถ้วย ขอบถ้วยหยัก รังไข่มี 3 ช่อง หลอดท่อรังไข่ปลายแยก 2 แฉก ไม่เท่ากัน และผลกลม มีเนื้อหนา เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.2-2 เซนติเมตร ผลอ่อนมีสีเขียวอ่อน ผลแก่มีสีเขียวค่อนข้างใส มีเส้นริ้วๆ ตามยาวพอสังเกตได้ 6 เส้น เนื้อกินได้ มีรสฝาด เปรี้ยว ขม และอมหวาน เปลือกหุ้มเมล็ดแข็ง 6 สัน มี 6 เมล็ดใน 1 ผล ระยะเวลาในการออกดอก ประมาณเดือนกันยายน และเป็นผลประมาณเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม-มกราคม-กุมภาพันธ์ สิ่ง ที่ควรรู้เกี่ยวกับมะขามป้อม จากนิตยสารหมอชาวบ้าน ปีที่ 26 ฉบับที่ 309 ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของมะขามป้อมว่า "ชาวฮินดูเรียกมะขามป้อมอีกชื่อหนึ่งว่า "อะมะลา" หรือ "อะมะลิกา" ตามพุทธประวัติกล่าวไว้เช่นเดียวกับมะม่วง นั่นคือ ในคราวที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปเก็บมะม่วงนั้น ทรงเก็บมะขามป้อมมาด้วย สำหรับคนไทย บรรพชน ได้นำหลายๆ ส่วนของ "มะขามป้อม" มาใช้ประโยชน์ในหลายๆ ด้าน อาทิ นำมาใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรค เป็นน้ำผลไม้แก้กระหาย เป็นขนมหวานรสอร่อย ปัจจุบันนี้ "มะขามป้อม" ยังคงทำหน้าที่ของไม้ยืนต้นที่ให้ร่มเงาและความชุ่มชื้น รวมถึงเป็นอาหารและยารักษาสรรพโรคให้กับมวลมนุษยชาติตลอดไป สำหรับ ประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อบริโภคมะขามป้อมว่า มีวิตามินซีสูงมากที่สุดในบรรดาพืชทุกชนิดที่มีในโลก ในผลมีสารป้องกันการเกิดออกซิไดซ์วิตามินซีคงตัวอยู่ได้นาน ผลแห้ง เก็บไว้ในที่เย็น เช่น ในตู้เย็นนาน 365 วัน จะเสียวิตามินซีไป ร้อยละ 20 ผลมะขามป้อมดองในน้ำเกลือ ร้อยละ 8 นาน 20 วัน ความเข้มข้นของกรดเพิ่มขึ้นจากเดิม ร้อยละ 0.77 เป็น ร้อยละ 1.44 วิตามินซีเสียไปประมาณ ร้อยละ 68 ดองในน้ำเกลือ ร้อยละ 10 ความเข้มข้นของกรดเพิ่มขึ้นจากเดิม ร้อยละ 0.63 เป็น ร้อยละ 1.39 วิตามินซีเสียไปประมาณ ร้อยละ 72 เนื้อผลตากแดดให้แห้ง จะเสียวิตามินซีไปประมาณ ร้อยละ 60 ถ้าทำให้แห้งที่อุณหภูมิห้องจะเสียวิตามินซีไปไม่มากนัก เนื้อผลแห้งเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องจะเสียวิตามินซีไป ร้อยละ 25 ในเวลา 2 สัปดาห์ เสียวิตามินซีไป ร้อยละ 50 ในเวลา 4 สัปดาห์ และเสียไป ร้อยละ 60 ในเวลา 48 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ผลมะขามป้อมยังมีสารในกลุ่มแทนนิน ที่มีฤทธิ์เป็นเช่นเดียวกับวิตามินซี แต่มีฤทธิ์แรงกว่าและไม่สลายตัวง่ายเช่นเดียวกับวิตามินซี สารดังกล่าวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกัน กำจัดพิษโลหะหนัก รักษาโรคลักปิดลักเปิด ทั้งยังช่วยเสริมฤทธิ์วิตามินซี ดังนั้น ท่านจึงไม่ต้องกังวลว่า การกินมะขามป้อมแปรรูปหรือมะขามป้อมแห้งจะไม่ได้ประโยชน์ การ ขยายพันธุ์มะขามป้อมยักษ์ พ.อ.อ.กิติ ชุ่มสกุล บอกว่า ถ้าขยายพันธุ์มะขามป้อมด้วยเมล็ด จะให้ผลในปีที่ 7-8 (ไม้ผลที่ปลูกด้วยเมล็ดจะให้ผลผลิตช้ามาก) แต่ถ้าเราใช้วิธีทาบกิ่ง ติดดอก ต่อกิ่งหรือกิ่งตอน จะให้ผลได้ตั้งแต่ 4-6 เดือน เท่าที่คุยกับชาวบ้านที่เคยปลูกบอกว่ามะขามป้อมให้ผลดกมาก ถ้าขยายพันธุ์ด้วยกิ่งทาบ จะเริ่มให้ผลภายใน 1 ปี เมื่ออายุ 3-5 ปี จะให้ผลตอบแทน 50-80 กิโลกรัม ต่อต้น ต่อปี แต่ถ้าอายุ 5-7 ปี จะให้ผล 100-150 กิโลกรัม ต่อต้น ต่อปี ถ้าต้นอายุ 20-30 ปี จะให้ผล 300-500 กิโลกรัม ต่อต้น ต่อปี ปลูกมะขามป้อมยักษ์ในเชิงพาณิชย์ จาก ที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้นว่า เมื่อทราบถึงต้นพันธุ์มะขามป้อมยักษ์ที่มีขนาดผลใหญ่และคุณภาพดีแล้ว การขยายพันธุ์ปลูกที่ให้ผลผลิตเร็วที่สุดและไม่กลายพันธุ์ แนะนำให้ใช้วิธีการทาบกิ่ง ซึ่งหลังจากปลูกไปเพียง 7 เดือน เริ่มให้ผลผลิตแล้ว และจัดเป็นไม้ผลที่มีอายุยืนยาวอีกชนิดหนึ่ง สภาพดินที่เหมาะสมที่สุดคือ ดินร่วนปนทราย ด้วยต้นมะขามป้อมยักษ์มีลักษณะแผ่เป็นทรงพุ่ม ดังนั้น ระยะปลูกที่แคบที่สุด ควรใช้ระยะ 6x6 เมตร แต่ถ้าจะให้ดีควรใช้ระยะปลูก 8x8 เมตร การดูแลรักษานั้นได้รับคำแนะนำว่า ปลูกลงดินใหม่ๆ ควรใช้ปุ๋ยคอกจำพวกขี้หมู ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ใส่ให้บ้าง โดยใช้สูตรเสมอ เช่น สูตร 15-15-15 ระบบน้ำที่ดีจะช่วยเร่งการเจริญเติบโต
วิธีแก้ไข :
 
ที่อยู่
 
หมู่บ้าน :
ตำบล / แขวง :
อำเภอ / เขต :
จังหวัด :
กรุงเทพมหานคร
รหัสไปรษณีย์ :
ภาค :
ภาคกลาง
แหล่งข้อมูล
 
แหล่งที่มา :
เทคโนโลยีชาวบ้าน : วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 22 ฉบับที่ 479
 

ย้อนกลับ


   
วัตถุประสงค์โครงการ
   
จำแนกปัญหาตามภูมิภาค
จำแนกปัญหาตามจังหวัด
จำแนกปัญหาตามประเภท
สืบค้นตามชื่อเรื่องแบบใช้คีย์เวิร์ด
สรุปภาพรวมของปัญหา
สรุปประเภทปัญหาตามแผนที่ภูมิภาค
สรุปประเภทปัญหาตามแผนที่จังหวัด
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สารสนเทศเกษตร
เกษตรพลิกฟื้นชาติ
สารพันความรู้
กรมส่งเริมการเกษตร
ห้องสมุดกรมวิชาการเกษตร
เทคโนโลยีชาวบ้าน
หนังสือพิมพ์มติชน
ติดต่อ E-mail : คลิกที่นี่
 
 

สถิติจาก truehit.net

   


Download Acrobat Reader

Best view with IE 5.0 or later version at 800x600
All comments please mail to
Webmaster

This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร 0 2201 7256 แฟกซ์ 0 2201 7265
Email : info@dss.go.th
ปรับปรุง : Tuesday, May 2, 2017 11:07 PM