เข้าสู่เว็บสำนักหอสมุดฯ


รายละเอียดข้อมูล
เรื่อง :
ลางสุก พืชเศรษฐกิจประจำถิ่นเทือกเขาหลวง ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์
   
ปัญหา :
 
 
ลางสุก พืชตระกูลลางสาด ลองกอง เป็นพืชประจำถิ่นแถบเทือกเขาหลวงนครศรีธรรมราช ปลูกง่าย ทนทาน ให้ผลผลิตสูง รสชาติดี เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลาย กลายเป็นพืชเศรษฐกิจประจำถิ่นที่น่าสนใจอีกชนิดหนึ่ง ลางสุก เป็นไม้ผลยืนต้น มีทรงพุ่มขนาดใหญ่ ความสูงประมาณ 20 เมตร ชอบขึ้นในบริเวณที่มีอากาศร้อนชื้น มีร่มรำไร ชาวสวนนิยมปลูกแซมในสวนไม้ผลชนิดอื่น เช่น ปลูกรวมกับมังคุด สะตอ ทุเรียน หมาก ฯลฯ ติดดอกออกผลบริเวณลำต้น และกิ่ง นิยมปลูกด้วยเมล็ด จะเริ่มให้ผลครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 8-9 ปี ต้นที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป ให้ผลผลิตประมาณ 70-100 กิโลกรัม/ต้น ออกผลเป็นช่อ เช่นเดียวกับลางสาด ลองกอง ถ้ามีการตัดแต่ง ช่อดอกจะได้ช่อที่มีขนาดใหญ่ ประมาณ 1-2 กิโลกรัม ออกดอกในช่วงเดือนมิถุนายน-ตุลาคม เก็บเกี่ยวได้หลังจากดอกบาน ประมาณ 120 วัน ลักษณะผลภายนอก ผิวเปลือกผลก่อนสุกมีสีเขียวเข้ม ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียวขี้ม้า เมื่อใกล้สุก และมีสีเหลืองเข้มเมื่อสุก เนื้อภายในผลเป็นกลีบ จำนวน 5 กลีบ บางผลมีเมล็ด 1-2 เมล็ด บางผลก็มีเมล็ดลีบทั้งหมด ระหว่างกลีบมีเยื่อบางๆ เป็นผนังกั้น ถ้ารับประทานติดเยื่อบางๆ นี้จะมีรสชาติขมเล็กน้อย เมื่อผลสุกเต็มที จะมีรสชาติหวาน และมีกลิ่นหอม ชวนรับประทาน ปลูกมากในพื้นที่รอบๆ เทือกเขาหลวง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช แถบอำเภอนบพิตำ ท่าศาลา พรหมคีรี ลานสกา ช้างกลาง สิชล ขนอม ฯลฯ มีพื้นที่ปลูกทั้งหมดประมาณ 2,000 ไร่ ปลูกมากที่สุดในอำเภอนบพิตำ ประมาณ 640 ไร่ ให้ผลแล้วประมาณ 600 ไร่ มีผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 1,000 กิโลกรัม/ไร่/ปี จากการบอกเล่าของ คุณเยื้อน เปาะทองคำ อายุ 67 ปี เกษตรกรดีเด่น สาขาทำสวน ของจังหวัดนครศรีธรรมราช และ คุณจินดา เปาะทองคำ อายุ 64 ปี ภรรยา ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ บ้านเลขที่ 98/2 หมู่ที่ 3 บ้านนานอน ตำบลนาเหรง อำเภอนบพิตำ ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ในการทำสวนผลไม้มานานกว่า 36 ปี ได้ความว่า ตนเองปลูกลางสุกมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2522 มีพื้นที่ปลูก 22 ไร่ ปลูกสลับแถวกับมังคุด ระยะ 12x12 เมตร มีการจัดระบบเป็นอย่างดี ตั้งแต่การติดตั้งระบบน้ำแบบสปริงเกลอร์ การกำจัดวัชพืช การตัดแต่งกิ่ง การตัดแต่งช่อดอก การใส่ปุ๋ย ฯลฯ นิสัยของลางสุก ชอบขึ้นในที่ร่มรำไร มีต้นไม้ชนิดอื่นขึ้นบังแสงบ้างจะเจริญเติบโตได้ดี แต่ถ้าปลูกเชิงเดี่ยว จะต้องปลูกกล้วยแซมช่วยบังร่มไปจนกว่าต้นลางสุกจะโต การดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก เพราะเป็นพืชพื้นเมืองที่ทนทาน ใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกปีละ 1 ครั้ง ครั้งละ 5 กิโลกรัม/ต้น ใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 30-15-15 ปีละ 2 ครั้ง คือในช่วงหลังเก็บเกี่ยว และช่วงติดผลอ่อน ครั้งละ 1-1.5 กิโลกรัม/ต้น และใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 13-13-21 ช่วงก่อนผลสุกประมาณ 45 วัน อัตราต้นละ 1-1.5 กิโลกรัม/ต้น หลังจากนั้น ใส่ปุ๋ยและให้น้ำตามปกติ ส่วนการใช้สารเคมี ใช้เฉพาะยาฆ่าแมลง (กำจัดมด) ผสมยาฆ่าเชื้อรา และสารจับใบ ในช่วงผลเล็ก และช่วงก่อนสุก 1 เดือน เพียงปีละ 2 ครั้ง ส่วนแรงงานใช้แรงงานในครอบครัวสองสามีภรรยา ยกเว้นในช่วงเก็บเกี่ยวที่ต้องจ้างเก็บเป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่การตัด และจัดใส่ตะกร้า จ้างในราคากิโลกรัมละ 2 บาท เทคนิคในการทำให้ลาง สุกออกนอกฤดูนั้น คุณเยื้อน เล่าว่า เป็นเรื่องที่ไม่ได้ยุ่งยากอะไร ขอเพียงให้สวนมีความพร้อมในเรื่องระบบการให้น้ำ ในช่วงแล้งประมาณเดือนเมษายนต้องให้น้ำต่อเนื่อง ลางสุกจะแตกใบอ่อนแทนการออกดอก ในขณะที่สวนทั่วๆ ไป จะออกดอก หลังจากนั้น เมื่อต้องการให้ลางสุกออกดอกในช่วงเดือนสิงหาคม ก็หยุดให้น้ำ ประมาณ 25-30 วัน ในช่วงนั้นให้สังเกตว่า เมื่อหยุดให้น้ำ 15 วัน ใบจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และช่วง 25 วัน จะเริ่มแทงช่อดอก จึงเริ่มให้น้ำเล็กน้อย หลังจากช่อดอกยืดเต็มที่ ถ้าเห็นว่ามีช่อดอกดกมาก ก็จะต้องตัดทิ้งบางส่วน และเมื่อดอกบานหมด ติดผลแน่นอนแล้ว จึงเริ่มให้น้ำได้เต็มที่ คุณเยื้อน ยังได้วิเคราะห์สถานการณ์ให้ฟังว่า ถ้าหากราคายางพารายังสูงอยู่อย่างต่อเนื่อง น่าจะส่งผลให้พื้นที่ปลูกลางสุกลดลง ซึ่งประกอบกับสถานการณ์ในปีนี้ที่ผลผลิตลางสาด ลองกอง มีมาก และสุกในระยะที่ใกล้เคียงกับลางสุก ทำให้ผลผลิตลางสุกขายยาก และมีราคาตกต่ำ แต่สำหรับของตนเองอย่างไรก็คงไม่เปลี่ยนไปปลูกพืชอย่างอื่น เพราะเห็นว่าเป็นพืชที่มีอายุยืนนานนับร้อยปี เจริญเติบโตได้ดี ไม่มีศัตรูรบกวน ซึ่งแตกต่างจากลองกองอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าราคาจะไม่สูงมาก ถ้าขายได้ในราคากิโลกรัมละ 10-12 บาท ก็คุ้มค่า และสามารถจัดการให้ติดดอกออกผลนอกฤดูก็ได้ จากการเก็บข้อมูลในช่วงปีที่ผ่านมาได้ผลผลิตจำนวน 28 ตัน ขายได้ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 12 บาท ซึ่งสุกในช่วงปีใหม่ ส่วนปีนี้ผลผลิตส่วนใหญ่จะสุกในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม จะได้ผลผลิตไม่ต่ำกว่า 10 ตัน น่าจะขายได้ในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 10 บาท ผลผลิตที่ได้ทั้งหมดจะมีพ่อค้ามารับซื้อถึงสวน ความเป็นพืช พื้นเมือง พืชประจำถิ่น ที่สามารถปรับตัวได้ดี ทนสภาพแห้งแล้ง ฝนชุก ไม่มีแมลงศัตรูรบกวน ใช้สารเคมีน้อย นอกจากจะเป็นไม้ผลที่ทำรายได้ทางเศรษฐกิจแก่เกษตรกร อาจจะเป็นรายได้หลักหรือรายได้เสริม ตามแต่เจตนาของผู้ปลูกแล้ว ลางสุกยังจะเป็นพืชที่สร้างสีเขียว สร้างความร่มรื่น ชุ่มชื้นให้แก่โลกใบนี้ไม่ใช่น้อย ควรค่าแห่งการอนุรักษ์ และปลูกเพิ่มในพื้นที่ที่เหมาะสมต่อไป
วิธีแก้ไข :
 
ที่อยู่
 
หมู่บ้าน :
ตำบล / แขวง :
อำเภอ / เขต :
จังหวัด :
นครศรีธรรมราช
รหัสไปรษณีย์ :
ภาค :
ภาคใต้
แหล่งข้อมูล
 
แหล่งที่มา :
เทคโนโลยีชาวบ้าน วันที่ 01 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 23 ฉบับที่ 492
 

ย้อนกลับ


   
วัตถุประสงค์โครงการ
   
จำแนกปัญหาตามภูมิภาค
จำแนกปัญหาตามจังหวัด
จำแนกปัญหาตามประเภท
สืบค้นตามชื่อเรื่องแบบใช้คีย์เวิร์ด
สรุปภาพรวมของปัญหา
สรุปประเภทปัญหาตามแผนที่ภูมิภาค
สรุปประเภทปัญหาตามแผนที่จังหวัด
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สารสนเทศเกษตร
เกษตรพลิกฟื้นชาติ
สารพันความรู้
กรมส่งเริมการเกษตร
ห้องสมุดกรมวิชาการเกษตร
เทคโนโลยีชาวบ้าน
หนังสือพิมพ์มติชน
ติดต่อ E-mail : คลิกที่นี่
 
 

สถิติจาก truehit.net

   


Download Acrobat Reader

Best view with IE 5.0 or later version at 800x600
All comments please mail to
Webmaster

This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร 0 2201 7256 แฟกซ์ 0 2201 7265
Email : info@dss.go.th
ปรับปรุง : Tuesday, May 2, 2017 11:07 PM