เข้าสู่เว็บสำนักหอสมุดฯ


รายละเอียดข้อมูล
เรื่อง :
"วิสันต์ สินธุนนท์" กับข้อมูลใหม่ล่าสุด ของ การปลูกปาล์มน้ำมัน อย่างบูรณาการ
   
ปัญหา :
 
 
ปาล์ม น้ำมัน เป็นพืชน้ำมันอุตสาหกรรมที่มีความซับซ้อนในการจัดการ เกษตรกรที่ตัดสินใจปลูกปาล์มน้ำมันต้องมีความรู้และความเข้าใจเสียก่อน ทั้งศึกษาจากตำรา งานวิจัย และผู้ที่มีประสบการณ์ในการปลูกมาก่อน เพื่อลดความเสี่ยงและเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดทั้งผลผลิตและความคุ้มค่าต่อ การลงทุน มีตัวอย่างภาคเอกชน โดย คุณวิสันต์ สินธุนนท์ เกษตรกรภาคใต้ดีเด่น ปี 2540 และเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท สินธุเศรษฐ์ จำกัด เลขที่ 96 หมู่ที่ 5 ตำบลเขาพนม อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ 81140 โทร. (081) 968-0272 เป็นบุคคลหนึ่งที่มีประสบการณ์ในการปลูกปาล์มน้ำมันมานานกว่า 27 ปี ปัจจุบัน คุณวิสันต์เอง ยังถือเป็นภาคเอกชนรายหนึ่งที่นำร่องปลูกปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ในเขตพื้นที่ทุ่งหลวงรังสิต หรือพื้นที่สวนส้มเก่าทุ่งหลวงรังสิตนั่นเอง โดยคุณวิสันต์เลือกใช้ปาล์มน้ำมัน สายพันธุ์ "คอมแพคท์" ซึ่งปัจจุบันปาล์มน้ำมันสายพันธุ์ดังกล่าวถือเป็น "สายพันธุ์ปาล์มน้ำมันที่มีคุณภาพสูง มีลักษณะต้นเตี้ย ข้อถี่ สูงช้า มีทางใบสั้น ให้ผลผลิตทะลายปาล์มต่อไร่สูงให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ มีอายุการเก็บเกี่ยวนานถึง 35 ปี คุณวิสันต์ กล่าวว่า ตนจะมุ่งมั่นให้การปลูกปาล์มน้ำมันเป็นไปอย่างบูรณาการด้วยวิสัยทัศน์ที่ สร้างสรรค์ ด้วยคัดสรรสุดยอดคุณภาพสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันที่ให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงและ ปริมาณผลผลิตสูง โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง มิให้ต้องสูญเสียรายได้ที่ควรจะได้ ต้องหลุดหายไปปีละหลายหมื่นล้านบาท และสามารถพิสูจน์ได้อย่างมีเหตุมีผล โดยขอให้ทุกฝ่ายเปิดใจกว้างอย่างบริสุทธิ์ใจยอมรับข้อเท็จจริง และส่งเสริมปลูกสายพันธุ์ปาล์มน้ำมันที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ต้องกล้าเปลี่ยนแปลงเดินหน้าสู่เป้าหมายเพื่อผลประโยชน์ และความคุ้มค่าสูงสุดในอาชีพต่อหน่วยพื้นที่เท่ากัน เพื่อซื้อเวลาโดยใช้เมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในโลก ณ ปัจจุบันนี้ ซึ่งจะก้าวไปสู่การพัฒนาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เป็นการยกระดับการปลูกปาล์มน้ำมันอย่างแท้จริง สามารถยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างสง่างามในยุคโลกาภิวัตน์นี้ โดย คุณวิสันต์ ยังบอกว่า ถือเป็นการสร้างโอกาสครั้งสำคัญที่ยิ่งใหญ่แก่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ทั่วประเทศไทย โดยบริษัท สินธุเศรษฐ์ จำกัด พยายามจะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การปลูกปาล์มน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพนำร่อง สายพันธุ์ที่ดีที่สุด เพื่อก้าวไปสู่การเกษตรยั่งยืนเป็นเป้าหมายให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม 10,000 บาท ต่อไร่ ต่อปี ให้เกษตรกรประสบความสำเร็จและมีอนาคตที่สดใสตลอดไป คุณวิสันต์ อธิบายเพิ่มเติม เพื่อความกระจ่างชัด ใน 3 ประโยค ที่กล่าวมา ดังนี้ 1.สาย พันธุ์ที่ดีที่สุด หมายถึง สายพันธุ์คอมแพคท์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ของโลกในด้านปาล์มน้ำมัน เป็นสายพันธุ์ที่ บริษัท สินธุเศรษฐ์ จำกัด นำเข้ามาเพาะ เมื่อ ปี 2545 และเริ่มปลูกในแปลงทดลอง เมื่อเดือนสิงหาคม 2547 ซึ่งปัจจุบัน มีอายุ 7 ปี 3 เดือนแล้ว ติดตามข้อมูลการให้ผลผลิต และนับจำนวนผลทะลายบนต้นเพื่อเปรียบเทียบ ปรากฏว่ามากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ทุกสายพันธุ์ที่ปลูกในแปลงทดลองด้วยกัน และใน ปี 2552-2553 นำผลปาล์มทะลายสุกไปวิเคราะห์การให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันกับสายพันธุ์อื่นๆ ที่มีคุณภาพสูง รวมจำนวน 12 ครั้ง (ประมาณเดือนละครั้ง) ซึ่งสูงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ทุกสายพันธุ์มากทั้ง 12 ครั้ง และเมื่อ กลางปี พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมา ได้วัดความสูงของลำต้น วัดความยาวของกิ่งทางใบ และชั่งน้ำหนักผลทะลายสุกเปรียบเทียบกับสายพันธุ์หนึ่งในอดีตที่ถือว่ามี คุณภาพสูง สายพันธุ์ละ จำนวน 50 ต้น และ 50 ผลทะลายสุก สรุปผลจาก 50 ตัวอย่าง โดยเฉลี่ย สายพันธุ์คอมแพคท์กิ่งทางสั้นกว่า 55-60 เซนติเมตร ลำต้นต่ำกว่า 15-20 เซนติเมตร และผลทะลายสุกมีน้ำหนัก หนักกว่า 2 กิโลกรัม สายพันธุ์ที่นำมาเปรียบเทียบนี้ปลูกบนพื้นที่เดียวกัน ปลูกพร้อมกัน และการบำรุงรักษา การให้ปุ๋ยเหมือนกัน ไม่มีระบบน้ำเป็นพื้นที่นาร้าง อยู่ หมู่ที่ 1 ตำบลหน้าเขา อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ และจากประสบการณ์ปลูกปาล์มมานาน 27 ปี ขอยืนยันว่า เป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุด ณ ปัจจุบัน 2. ผลตอบแทน หมายถึง ตั้งแต่ต้นน้ำเริ่มสร้างดอกออกผลจนถึงปลายน้ำในรูปน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ซึ่งผ่านกระบวนการสกัดจากผลปาล์มทะลายสุกแล้ว 3. มากกว่าเดิม คำว่า "เดิม" ในที่นี้ให้หมายถึง ในเกณฑ์เฉลี่ยของผลผลิตที่ปลูกสายพันธุ์ทั่วไป และปลูกบนพื้นที่ทั่วไป ณ ปัจจุบันนี้ การ เปรียบเทียบระหว่างการปลูกปาล์มน้ำมันสายพันธุ์ทั่วไป บนพื้นที่ทั่วไปกับการปลูกสายพันธุ์คอมแพคท์ บนพื้นที่ทั่วไปเช่นกัน ซึ่งปลูกสายพันธุ์คอมแพคท์ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมากกว่า 10,000 บาท ต่อไร่ ต่อปี ดังนี้ ในปัจจุบัน ปลูกสายพันธุ์ทั่วไปบนพื้นที่ทั่วไป เกณฑ์เฉลี่ยของเปอร์เซ็นต์น้ำมันที่โรงงานสกัดได้จากผลปาล์มสุก อยู่ที่ 17%-19% ซึ่งการเปรียบเทียบผลตอบแทนครั้งนี้ ใช้ 19% และผลผลิตต่อไร่ ต่อปี ทั่วไป ใช้น้ำหนัก 3,000 กิโลกรัม เป็นเกณฑ์เฉลี่ยโดยประมาณมาคำนวณผลตอบแทนใน 1 ไร่ 1 ปี มีผลตอบแทนในรูปน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) = 3,000 กิโลกรัม x 19% ได้น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) = 570 กิโลกรัม ปัจจุบัน น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ราคา กิโลกรัมละ 31 บาท ผลตอบแทน คิดเป็นเงิน = 570x31 = 17,670 บาท ค่าใช้จ่ายต่อไร่ ต่อปี คำนวณจาก กิโลกรัมละ 2.10 บาท (โดยประมาณ) ของผลผลิตทั้งปี = 3,000x2.10 = 6,300 บาท ใน 1 ไร่ 1 ปี ปลูกสายพันธุ์อื่นๆ ที่ปลูกทั่วไปให้ผลตอบแทน เมื่อหักค่าใช้จ่าย = 17,670-6,300 = 11,370 บาท สำหรับการปลูกปาล์มน้ำมันสายพันธุ์คอม แพคท์ ซึ่งให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันของผลปาล์มทะลายสุกสูงมากจากการวิเคราะห์ จากสถาบันของรัฐ 2 แห่ง และจากโรงงานของเอกชนอีก 12 ครั้ง ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์น้ำมันมากกว่า 32% แต่ใช้เพียง 32% มาคำนวณ เมื่อหักความสูญเสียระหว่างทางการสกัด ยังเหลือสุทธิ เท่ากับ 32x.87 = 27.84% การเปรียบเทียบผลตอบแทนครั้งนี้ ใช้เพียง 25% เท่านั้น ส่วนผลผลิตต่อไร่ ต่อปีนั้น ซึ่งสายพันธุ์คอมแพคท์ ปลูกได้ 28 ต้น ย่อมมีผลผลิตเพิ่มขึ้นจาก 3,000 กิโลกรัม เป็น = 3,000x28?22 = 3,818 กิโลกรัม ใน 1 ไร่ 1 ปี มีผลตอบแทนในรูปน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) = 3,818 กิโลกรัม x 25% ได้น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) = 954.50 กิโลกรัม ปัจจุบัน น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ราคากิโลกรัมละ 31 บาท ผลตอบแทน คิดเป็นเงิน = 954.50x31 = 29,589.50 บาท ค่าใช้จ่าย ต่อไร่ ต่อปี คำนวณจากกิโลกรัมละ 2 บาท (โดยประมาณ) ของผลผลิตทั้งปี = 3,818x2 = 7,636.00 บาท ใน 1 ไร่ 1 ปี ปลูกสายพันธุ์คอมแพคท์ ให้ผลตอบแทน เมื่อหักค่าใช้จ่าย = 29,589.50-7,636 = 21,953.50 บาท สรุป ปลูกสายพันธุ์คอมแพคท์ 1 ไร่ ใน 1 ปี ปลูกบนพื้นที่ทั่วไป ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม (ในเกณฑ์เฉลี่ยที่ปลูกสายพันธุ์อื่นๆ บนพื้นที่ทั่วไปเช่นเดียวกัน) เท่ากับ 21,953.50-11,370 = 10,583.50 บาท ปัจจุบัน มีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันในประเทศไทย ประมาณ 4,000,000 ไร่ ถ้าปลูกด้วยสายพันธุ์คอมแพคท์ เงินที่ควรจะได้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ปีละ = 4,000,000x10,583.50 = 42,334,000,000 บาท ใน 1 ไร่ 28 ต้น ปลูกสายพันธุ์คอมแพคท์มีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ปีละ = 10,583.50 บาท ถ้าปลูกสายพันธุ์คอมแพคท์ 1 ต้น ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ปีละ = 10,583.50?28 = 378 บาท (377.98 บาท) ปลูกสายพันธุ์คอมแพคท์ ทุก 1 ต้น ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม 378 บาท ต่อปี ผล ของตัวเลขที่คำนวณนี้ เป็นการเฉลี่ยโดยประมาณการ อาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่ด้วยวัตถุประสงค์ประเด็นหลักเพื่อกระตุ้น ปลุกเร้า ให้ตระหนักถึงความสำคัญในการเลือกสายพันธุ์ดีมาปลูก ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนต่างกันราวฟ้ากับดิน ซึ่งเป็นสายพันธุ์ลูกผสม (TENERA) เช่นเดียวกัน แต่สายพันธุ์คอมแพคท์เหนือกว่าทั้งการให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันและปริมาณผลผลิต และ สายพันธุ์คอมแพทค์ยังมีข้อดี กล่าวคือ ลำต้นใหญ่ แข็งแรง ข้อถี่ สูงช้า มีอายุการเก็บเกี่ยวผลนานถึง 35 ปี ประหยัดค่าแรงการเก็บเกี่ยวเป็นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ และมีผลทะลายใหญ่มากกว่า 25 กิโลกรัม เมื่อโตเต็มที่ และสามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ในเมืองไทย เหมือนสายพันธุ์อื่นๆ ทั่วไป โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอื่นๆ ยกเว้นภาคใต้ (ตั้งแต่ใต้ชุมพรลงไป) ต้องมีระบบน้ำป้อนให้แก่ต้นปาล์มในช่วงหน้าแล้ง และจะให้ผลผลิตไม่ต่างจากที่ปลูกในภาคใต้มากนัก แต่ถ้าคิดจะปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่แห้งแล้งที่ฝนทิ้งช่วงนานถึง 3 เดือน และไม่มีระบบน้ำในช่วงหน้าแล้งนั้น ไม่สมควรลงทุนปลูกปาล์มน้ำมันเป็นอย่างยิ่ง จึงกล่าวได้ว่า "สายพันธุ์ดี ชัยภูมิดี สำเร็จไปแล้ว 99%" ปัจจุบัน บริษัท สินธุเศรษฐ์ จำกัด มีสายพันธุ์คอมแพคท์ปลูกเมื่อเดือนสิงหาคม 2547 ซึ่งมีอายุ 7 ปี 3 เดือน จำนวนประมาณ 3,000 ต้น เชิญพิสูจน์ของจริงได้ในแปลงทดลอง ติดต่อเข้าเยี่ยมชมได้ที่ คุณวิสันต์ สินธุนนท์ โทร. (081) 894-8222 คุณวิสันต์ ฝากเตือนว่า ให้เกษตรกรต้องรอบคอบ กล้าตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ฝากวิถีชีวิตนี้ให้แก่ใคร ซึ่งจะไม่เพลี่ยงพล้ำเสียการเกินแก้ หมายความว่า ไม่เสียหายทั้งปวง เสียใจ เสียโอกาส เสียทรัพย์ เสียกำลังใจ และเสียเวลาเกินที่จะเยียวยาแก้ไขได้ ฉะนั้น การตัดสินใจเลือกซื้อกล้าปาล์มน้ำมันนั้น อย่าหลงเชื่อนายหน้าหรือบุคคลใดๆ ที่มีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ เสมือนหนึ่งการเลือกคู่ชีวิต เราก็อย่าหลงคารมแม่สื่อ มิฉะนั้นแล้ว ท่านอาจจะต้องทนทุกข์ทรมานตลอดชีวิตนี้ เปอร์เซ็นต์น้ำมันนั้น มีความสำคัญไฉน สาย พันธุ์ทั่วไปในเกณฑ์เฉลี่ยให้เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 19% หมายความว่า ต้องใช้ผลทะลายปาล์มสุก 5.26 กิโลกรัม สกัดน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ได้ 1 กิโลกรัม สายพันธุ์คอมแพคท์ในเกณฑ์เฉลี่ย ให้เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 25% หมายความว่า ต้องใช้ผลทะลายปาล์มสุก 4 กิโลกรัม สกัดน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ได้ 1 กิโลกรัม ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ที่ จังหวัดกระบี่ โรงงานสกัดซื้อผลปาล์มสุก กิโลกรัมละ 5.30 บาท เปรียบเทียบต้นทุนสายพันธุ์ทั่วไป กับต้นทุนสายพันธุ์คอมแพคท์ ในน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) 1 กิโลกรัม ได้ดังนี้ ต้นทุนสายพันธุ์ทั่วไปใช้ผลปาล์มทะลายสุก 5.26กิโลกรัม คิดเป็นเงิน = 5.26x5.30 = 27.88 บาท ต้นทุนสายพันธุ์คอมแพคท์ ใช้ผลปาล์มทะลายสุก 4 กิโลกรัม คิดเป็นเงิน = 4x5.30 = 21.20 บาท จะเห็นได้ชัดว่า ต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ระหว่างใช้ผลปาล์มสายพันธุ์ทั่วไป กับใช้ผลปาล์มสายพันธุ์คอมแพคท์ ทุก 1 กิโลกรัม ต้นทุนจะต่างกัน = 27.88-21.20 = 6.68 บาท จากบริบทที่กล่าวมา ชี้ให้เห็นถึงผลขาดทุนหรือกำไร อย่างง่ายๆ เปรียบเทียบระหว่างสายพันธุ์ด้อยคุณภาพกับสายพันธุ์ดีที่มีคุณภาพสูง แตกต่างกันอย่างมาก ควรสนใจและรีบใช้โอกาสที่สำคัญนี้ ในขณะที่ต่างชาติยังส่งออกซึ่งเมล็ดพันธุ์คุณภาพสูงดังกล่าว อาชีพการปลูกปาล์มน้ำมันนั้น นอกจากคำนึงถึงสายพันธุ์ให้ผลผลิตสูงแล้ว ยังต้องเป็นสายพันธุ์ให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันสกัดจากผลทะลายสุกสูงด้วย เพราะมีส่วนสำคัญมากในเรื่องต้นทุนการผลิต และเป็นการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ซึ่งสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ปัจจุบัน เป็นยุคแห่งการแข่งขัน ต้องกล้าเปลี่ยนแปลงและตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว โดยยึดหลักความถูกต้องเป็นธรรมต่อเกษตรกร และเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ ซึ่งต้องมีวิสัยทัศน์เชิงสร้างสรรค์และมีความมุ่งมั่นให้เกษตรกรปลูกปาล์ม น้ำมันอย่างบูรณาการ เพื่อก้าวเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ให้ได้ เกษตรกรและผู้ที่สนใจหาความรู้เกี่ยวกับการปลูกปาล์มน้ำมันเพิ่มเติมได้ ที่ เว็บไซต์ www.sintusatepalmoil.com
วิธีแก้ไข :
 
ที่อยู่
 
หมู่บ้าน :
ตำบล / แขวง :
อำเภอ / เขต :
จังหวัด :
กระบี่
รหัสไปรษณีย์ :
ภาค :
ภาคใต้
แหล่งข้อมูล
 
แหล่งที่มา :
เทคโนโลยีชาวบ้าน วันที่ 01 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ปีที่ 24 ฉบับที่ 520
 

ย้อนกลับ


   
วัตถุประสงค์โครงการ
   
จำแนกปัญหาตามภูมิภาค
จำแนกปัญหาตามจังหวัด
จำแนกปัญหาตามประเภท
สืบค้นตามชื่อเรื่องแบบใช้คีย์เวิร์ด
สรุปภาพรวมของปัญหา
สรุปประเภทปัญหาตามแผนที่ภูมิภาค
สรุปประเภทปัญหาตามแผนที่จังหวัด
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สารสนเทศเกษตร
เกษตรพลิกฟื้นชาติ
สารพันความรู้
กรมส่งเริมการเกษตร
ห้องสมุดกรมวิชาการเกษตร
เทคโนโลยีชาวบ้าน
หนังสือพิมพ์มติชน
ติดต่อ E-mail : คลิกที่นี่
 
 

สถิติจาก truehit.net

   


Download Acrobat Reader

Best view with IE 5.0 or later version at 800x600
All comments please mail to
Webmaster

This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร 0 2201 7256 แฟกซ์ 0 2201 7265
Email : info@dss.go.th
ปรับปรุง : Tuesday, May 2, 2017 11:07 PM