ผมเริ่มทำนามาไม่นาน ประมาณ 2 ปี พบปัญหาจากวัชพืช แม้ว่าจะใช้ยาคุมแล้ว และปฏิบัติตามคำแนะนำของนักวิชาการทุกอย่าง แต่ปัญหาก็ยังแก้ไม่ตก ควรปฏิบัติอย่างไรในการควบคุมวัชพืชให้ดีกว่าที่ผ่านมา

ปัญหาวัชพืช นับว่ารุนแรงขึ้นทุกวัน แม้วัชพืชที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนก็มีให้เห็น ตัวอย่างคือ ข้าววัชพืช หรือ ข้าวป่า ที่เกษตรกรเรียกว่า หญ้าละมาร มีลักษณะคล้ายกับข้าวปลูกมาก ทำให้การควบคุมยาก โดยเฉพาะในเขตการทำนาชลประทานที่ปลูกข้าวด้วยวิธีหว่านน้ำตมอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรสามารถปลูกข้าวได้ 5 ครั้ง ในรอบ 2 ปี อีกทั้งเวลาการพักดินก็มีน้อย หลังเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จเกษตรกรไถกลบและเตรียมดินทันที เมื่อการเน่าสลายของฟางข้าวและวัชพืชไม่สมบูรณ์ จึงเกิดก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์และก๊าซแอมโมเนีย ซึ่งล้วนเป็นพิษกับรากของต้นข้าวทั้งสิ้น ดังนั้น การพักดินจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มผลผลิตข้าวอีกปัจจัยหนึ่ง วิธีลดการระบาดของวัชพืชในนาข้าว เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ปลูกต้องสะอาด บริสุทธิ์ ไม่มีการปะปนของเมล็ดวัชพืช การเตรียมดินต้องทำอย่างประณีต กำจัดวัชพืชที่ตกค้างในแปลงออกให้หมด ประการสำคัญที่สุด เกษตรกรต้องปลูกข้าวด้วยวิธีหว่านน้ำตม 2 รุ่น และสลับด้วยวิธีปักดำ 1 รุ่น จะช่วยลดปัญหาวัชพืช รวมทั้งโรคและแมลงศัตรูลงได้ อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีหว่านน้ำตมต่อเนื่องเพียงอย่างเดียว ผลงานดังกล่าวเป็นของ สถาบันวิจัยการทำฟาร์ม กรมวิชาการเกษตร เป็นผลงานที่ดี แต่ขาดการนำไปใช้ประโยชน์ เนื่องจากวิธีปักดำข้าว มักทำเป็นแถวเป็นแนว ส่งผลให้การเข้ากำจัดวัชพืช และการจัดการอื่นๆ ในแปลงสะดวกกว่านาหว่านน้ำตม อย่างไรก็ตาม มักมีเกษตรกรแย้งว่า ค่าถอนกล้าและปักดำข้าวแพงมากสู้ไม่ไหว อนาคตคงหนีไม่พ้นต้องอาศัยเครื่องปักดำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าเครื่องปักดำมีราคาแพงมากก็ตาม ทางออกที่เป็นไปได้ยังมี โดยการรวมกลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์จัดซื้อ แล้วหมุนเวียนกันใช้งานก็ได้ มีญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างที่ดี ปัจจุบันยังมีบริการรับจ้างปักดำข้าวที่พบเห็นอยู่ทั่วไป หากชอบใจอาจใช้วิธีปักดำไปตลอด คงไม่มีใครตำหนิ ถึงวันนั้นปัญหาวัชพืชในนาย่อมทุเลาเบาบางลง เหลือเพียงเป็นปัญหาจิ๊บๆ เท่านั้นครับ