คุณสุชาติ ธนะพฤกษ์ เล่าว่า หลังจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ก็ไปทำงานด้านปศุสัตว์ในเครือ ซีพี อยู่ระยะหนึ่ง ก่อนตัดสินใจลาออกมาทำสวนผลไม้ เป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว ในชื่อสวนนายแป๊ะ เนื้อที่ 30 ไร่ บ้านเลขที่ 182 หมู่ที่ 2 ตำบลแก่งดินสอ อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี โทร. (081) 374-5226 เมื่อ 2 ปีก่อน รศ.ดร. อุณารุจ บุญประกอบ ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงฝรั่งพันธุ์ใหม่ ชื่อ “หวานพิรุณ” ที่มีลักษณะเด่นเรื่องการเจริญเติบโตที่ดี รสชาติหวาน 8-10 บริกซ์ เนื้อแน่น ละเอียด กรอบ รสชาติอร่อยมาก แถมมีวิตามินซีสูง 90-130 มิลลิกรัม/100 กรัม เป็นพันธุ์ฝรั่งที่เหมาะสำหรับรับประทานผลสด “ในช่วงนั้น ผมมีที่ดินว่างเปล่าประมาณ 3 ไร่ จึงรู้สึกสนใจที่จะนำพันธุ์ฝรั่งหวานพิรุณไปทดลองปลูก ผมขอซื้อพันธุ์ฝรั่งหวานพิรุณจาก รศ.ดร. อุณารุจ จำนวน 300 กิ่ง ในราคากิ่งละ 180 บาท ไปปลูกที่สวนนายแป๊ะ ประมาณเดือนมิถุนายน 2555 ใช้เวลาปลูกประมาณ 8 เดือน ก็เริ่มมีผลผลิตออกจำหน่าย กล่าวได้ว่า สวนของผม เป็นสวนฝรั่งหวานพิรุณเพื่อการค้าแปลงแรกของประเทศไทยเลยทีเดียว แถมได้รับการรับรองระบบการจัดการคุณภาพการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืช (GAP พืช) พ.ศ. 2555 จากกรมวิชาการเกษตร เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2556 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว” คุณสุชาติ กล่าว การปลูก-ดูแล เมื่อถามถึงวิธีการปลูกฝรั่งหวานพิรุณ คุณสุชาติ เล่าว่า ไม่มีขั้นตอนยุ่งยากอะไร เนื่องจากที่ดินผืนดังกล่าวเคยใช้ปลูกมะนาวมาก่อน จึงนำต้นฝรั่งมาปลูกในร่อง ระยะห่างระหว่างต้น 3.50 เมตร เท่ากับต้นมะนาว เปิดให้น้ำในระบบสปริงเกลอร์ทุกๆ 2 วัน ยกเว้นช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกชุก ก็งดให้น้ำไปโดยปริยาย ระยะแรกของการปลูก จะเน้นใส่ปุ๋ยสูตรที่เน้นตัวหน้า เช่น สูตร 40-0-0 (ยูเรีย) และปุ๋ย 25-0-0 ก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ 2 เดือน จะใส่ปุ๋ย สูตร 13-13-21 เพื่อช่วยให้ฝรั่งมีขนาดผลใหญ่ และเพิ่มรสชาติความหวาน รวมทั้งใช้ปุ๋ยมูลไส้เดือน เพื่อให้เชื้อจุลินทรีย์เข้าไปช่วยย่อยสารอาหารในดิน กระตุ้นการดูดซึมธาตุอาหารของรากพืชได้ดีขึ้น ช่วยกระตุ้นความหวานแก่ผลฝรั่งได้อีกทางหนึ่ง สวนนายแป๊ะ จะใช้ถุงกระดาษห่อผล ตั้งแต่ลูกฝรั่งมีขนาดเท่าเหรียญ 5 บาท หลังจากห่อผลเสร็จก็รอไปอีก 3-4 เดือน จึงเก็บผลผลิตออกขายได้ คุณสุชาติ เล่าว่า โดยทั่วไปจะเก็บผลผลิตได้ช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับภาวะอากาศเป็นสำคัญ หากช่วงไหนอากาศร้อนมาก ฝรั่งก็สุกเร็วหน่อย สำหรับฝรั่งหวานพิรุณที่นำออกขายจะมีน้ำหนักเฉลี่ย ประมาณ 7 ขีด ถึง 1.2 กิโลกรัม ต่อผล ต้นที่มีสภาพสมบูรณ์สามารถให้ผลผลิตได้ 20-30 ลูก ฝรั่งหวานพิรุณมีลักษณะผลทรงกลม ผิวสีเขียวสดใส ขรุขระเล็กน้อย เนื้อสีขาวใส แน่น กรอบ และละเอียด รสชาติอร่อย การรักษาคุณภาพ หลังการเก็บเกี่ยว หลังการเก็บเกี่ยว คุณสุชาติจะนำตาข่ายโฟม มาห่อหุ้มผลฝรั่งเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนไม่ให้ช้ำระหว่างขนส่ง และใช้ฟิลม์แร็ปมาห่อฝรั่งเป็นลูกๆ เพื่อช่วยยืดอายุการเก็บรักษาฝรั่งผลสดได้นานขึ้น คุณสุชาติให้เหตุผลว่า โดยธรรมชาติของฝรั่ง ไม่ผลิตก๊าซเอทิลีน แต่เป็นตัวดูดซับก๊าซเอทิลีนได้ดีที่สุด ดังนั้น เมื่อใช้แร็ปห่อผลฝรั่งอย่างมิดชิด ก็ทำให้ผลฝรั่งไม่ดูดซับก๊าซเอทิลีนจากที่อื่นเข้ามา และลดการคายน้ำ วิธีนี้จะช่วยชะลอการสุก ทำให้ผลฝรั่งไม่นิ่ม หากเก็บรักษาฝรั่งสดในอุณหภูมิห้องปกติ จะชะลอการเสื่อมสภาพของผลฝรั่งได้นาน 3-5 วัน อย่างสบายๆ หากเก็บรักษาในตู้เย็นจะเก็บรักษาคุณภาพความสดได้นานถึง 10 วัน หากใครมีแผงจำหน่ายผลไม้ คุณสุชาติ เตือนว่าอย่าเผลอวางผลฝรั่งสดใกล้กับกล้วยอย่างเด็ดขาด เพราะโดยธรรมชาติ กล้วยจะผลิตและปล่อยก๊าซเอทิลีนออกมาตลอด หากนำผลฝรั่งไปวางใกล้ๆ กับกล้วย ฝรั่งจะดูดซับก๊าซเอทิลีนเข้าไป เร่งอัตราการสุกของฝรั่งให้เร็วขึ้น ทำให้ผลฝรั่งมีเนื้อนิ่มภายใน 2 วัน และเกิดอาการเน่าได้เร็วกว่าปกติ เมื่อถามถึงต้นทุนบรรจุภัณฑ์ดังกล่าว คุณสุชาติว่า ขณะนี้พิมพ์สติ๊กเกอร์โลโก้สวนนายแป๊ะจำนวนน้อย จึงมีต้นทุนสูงเฉลี่ยชิ้นละ 1 บาท ค่าโฟมตกชิ้นละ 50 สตางค์ ค่าแร็ปจำไม่ได้ แต่ 1 ม้วน สามารถใช้งานได้นาน ค่าใช้จ่ายเรื่องบรรจุภัณฑ์ลักษณะนี้ใช้เงินลงทุนไม่สูง แถมคุ้มค่ากับการลงทุน เพราะสามารถยืดอายุการจำหน่ายให้นานวันขึ้น คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม “ฝรั่งหวานพิรุณ เป็นผลไม้ที่มีรสชาติอร่อย คุณภาพดี เมื่อนำมาตกแต่งในบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม ลูกค้าจำนวนมากซึ่งเป็นกลุ่มข้าราชการในจังหวัดนิยมซื้อฝรั่งหวานพิรุณจากสวนนายแป๊ะไปจัดกระเช้าของขวัญ มอบให้ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ทำให้ทุกวันนี้ ฝรั่งหวานพิรุณกลายเป็นสินค้าดังประจำจังหวัดปราจีนบุรีไปแล้ว” คุณสุชาติ กล่าวด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้ม ช่องทางการตลาด หลังจากต้นฝรั่งหวานพิรุณเริ่มให้ผลผลิต คุณสุชาติ ก็เดินสายประชาสัมพันธ์สินค้าในกลุ่มข้าราชการ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ปรากฏว่า ลูกค้าให้การตอบรับที่ดีมาก ส่วนใหญ่ติดใจรสชาติความอร่อย และรู้สึกทึ่งกับขนาดผลใหญ่ น่ารับประทานของฝรั่งพันธุ์นี้ เนื่องจากสวนนายแป๊ะตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูง ทำให้สินค้าขายดีมาก “ผมคัดผลฝรั่งคุณภาพ เกรดเอ ออกขายในราคากิโลกรัมละ 50 บาท อาจมีราคาแพงกว่าฝรั่งทั่วไปสักเล็กน้อย แต่ตลาดให้การตอบรับที่ดีมาก ตอนนี้มีลูกค้าวิ่งเข้ามาขอซื้อสินค้าถึงหน้าสวนทุกวัน เนื่องจากสวนนายแป๊ะปลูกฝรั่งหวานพิรุณเพียง 300 ต้น สินค้าจึงมีจำนวนจำกัด ผลิตได้เท่าไหร่ ก็ไม่พอขาย” คุณสุชาติ กล่าว ทุกวันนี้ สวนนายแป๊ะ มีฝรั่งคุณภาพตกเกรด คิดเป็นร้อยละ 30 ของผลผลิตทั้งหมด สาเหตุที่ต้องคัดเป็นฝรั่งตกเกรด เนื่องจากมีรอยตำหนิ ที่เกิดจากรอยหนอนกัด หรือรอยเน่ายุบ จากเชื้อราโรคแอนแทรกโนส คุณสุชาติจะคัดแยกสินค้าที่มีตำหนิออกขายให้กับพ่อค้ารถเข็นผลไม้ ในราคาถูก แค่กิโลกรัมละ 20 บาท ซึ่งตลาดให้การตอบรับที่ดี แม้จะเป็นผลฝรั่งตกเกรดที่มีรอยตำหนิ แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงพึงพอใจในคุณภาพและรสชาติความอร่อยของฝรั่งหวานพิรุณ เมื่อนำผลฝรั่งมาผ่า จะเห็นเนื้อละเอียดใสแตกต่างจากเนื้อฝรั่งสายพันธุ์ทั่วไป ที่มีเนื้อหยาบ เมื่อชิมรสชาติ ก็รู้สึกติดใจ เพราะฝรั่งหวานพิรุณมีเนื้อกรอบ อร่อย เคี้ยวเพลิน ลูกค้าสาวๆ ส่วนใหญ่ติดใจรสหวานกลมกล่อมแถมมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ช่วยให้มีลมหายใจที่หอมสดชื่นอีกด้วย เชื่อมั่น ฝรั่งหวานพิรุณ มีอนาคตสดใส คุณสุชาติ เชื่อมั่นว่า ฝรั่งหวานพิรุณ เป็นไม้ผลตัวใหม่ที่มีโอกาสเติบโตได้สูงในอนาคต เนื่องจาก รศ.ดร. อุณารุจ ซึ่งเป็นผู้ปรับปรุงฝรั่งพันธุ์หวานพิรุณ ได้รวบรวมลักษณะเด่นของฝรั่งสายพันธุ์ต่างๆ ให้อยู่ในฝรั่งพันธุ์ใหม่นี้ เช่น ฝรั่งหวานพิรุณมีเนื้อละเอียด คล้ายฝรั่งพันธุ์กิมจูแล้ว ยังมีเนื้อกรอบ คล้ายกับฝรั่งแป้นสีทองอีกด้วย ขณะเดียวกันฝรั่งหวานพิรุณยังมีจุดต่างที่ไม่เหมือนใครคือ โดดเด่นในเรื่องความหวาน เนื้อหนา เมล็ดน้อย สามารถจำหน่ายเป็นสินค้าเกรดพรีเมี่ยม ส่งขายซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ ได้อย่างสบาย หากใครมีที่ดินว่างเปล่า คุณสุชาติอยากชักชวนให้หันมาทดลองปลูกฝรั่งหวานพิรุณเชิงการค้า อย่างน้อยคนละ 300 ต้น บนเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ โดยใช้แรงงานผัวเมีย เน้นผลิตฝรั่งคุณภาพดี ขายในท้องถิ่น จะขายได้ราคาดี ทำกำไรสูง เนื่องจากต้นฝรั่งหวานพิรุณจะให้ผลผลิตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 40-50 กิโลกรัม ต่อต้น โดยไม่จำเป็นต้องไปบังคับให้ต้นฝรั่งมีผลผลิตออกนอกฤดู เพราะศักยภาพของสายพันธุ์ฝรั่งหวานพิรุณพร้อมที่จะให้ผลผลิตที่ดี ถ้าได้รับการดูแลที่ดี หากใครสนใจอยากได้กิ่งพันธุ์ฝรั่งหวานพิรุณไปทดลองปลูก คุณสุชาติ ก็ยินดีแบ่งปันให้ในราคาเป็นกันเอง สำหรับผู้สนใจซื้อกิ่งพันธุ์ ตั้งแต่ 1-10 กิ่ง จำหน่ายในราคากิ่งละ 150 บาท หากซื้อมากกว่า 10 กิ่ง ขึ้นไป ขายแค่กิ่งละ 100 บาท หากต้องการสั่งซื้อกิ่งพันธุ์จำนวนมากเพื่อผลิตเชิงการค้า จำหน่ายในราคาถูกลงไปอีก หากสนใจสามารถพูดคุยรายละเอียดกับคุณสุชาติได้โดยตรง ที่เบอร์โทรศัพท์ (081) 374-5226 ได้ทุกวัน