เข้าสู่เว็บสำนักหอสมุดฯ


รายละเอียดข้อมูล
เรื่อง :
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง เชียงใหม่ ส่งเสริมปลูกอะโวกาโดอินทรีย์
   
ปัญหา :
 
 
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี 2521 อยู่ท่ามกลางหุบเขา ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเขตพื้นที่อำเภอหางดง เมื่อก่อนพื้นที่ศูนย์ถือเป็นแหล่งทดลองไม้เมืองหนาวที่สำคัญ โดยเฉพาะกุหลาบที่มีกลิ่นหอม แต่ในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนงานส่งเสริม โดยเน้นการปลูกพืชผักอินทรีย์ และไม้ผลที่สำคัญ คือ อะโวกาโด ที่สามารถรับประทานสด มีไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ประมาณ 8-20 เปอร์เซ็นต์ ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย วิตามินสูง นอกจากให้คุณค่าทางอาหารแล้ว ยังให้เป็นวัตถุดิบเพื่อการสกัดน้ำมันในอุตสาหกรรม คุณพิเชษฐ์ ภาโสภะ เจ้าหน้าที่ส่งเสริมไม้ผล ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า โครงการหลวงได้นำอะโวกาโดมาทดลองปลูกที่พื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2526 ปรากฏว่าผลผลิตที่ได้มีคุณภาพดี จึงนำมาเป็นแนวทางที่จะสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกไม้ผล เนื่องจากว่าความเหมาะสมของภูมิอากาศ ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเล 600 เมตร ขึ้นไป ซึ่งสมาชิกที่ส่งเสริมปลูกอะโวกาโดในปัจจุบันมีจำนวนสมาชิก 71 ราย พื้นที่ 61 ไร่ จำนวนต้นอะโวกาโดที่ปลูกทั้งหมด 1,288 ต้น สำหรับพันธุ์อะโวกาโดที่นำมาปลูกมี 7 พันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ปีเตอร์สัน (Peterson) เป็นเผ่าเวสต์อินเดียน ลักษณะเป็นผลค่อนข้างกลม มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง น้ำหนัก 200-300 กรัม เนื้อผลสีเหลืองอมเขียว รสดี เมล็ดใหญ่ อยู่ในช่องเมล็ดแน่น เป็นพันธุ์เบา เก็บเกี่ยวผลได้ในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม พันธุ์บัคคาเนียร์ (Buccaneer) เป็นลูกผสมระหว่างเผ่ากัวเตมาลันและเวสต์อินเดียน ลักษณะค่อนข้างกลมรี ขนาดกลาง น้ำหนักประมาณ 300-500 กรัม ผิวผลขรุขระ สีเขียว เปลือกหนา เนื้อสีเหลืองอ่อน รสดี เมล็ดขนาดกลาง มีไขมัน 7-14 เปอร์เซ็นต์ เก็บเกี่ยวผลได้เร็วปานกลางประมาณเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม พันธุ์บูท 7 (Booth-7) เป็นลูกผสมระหว่างเผ่ากัวเตมาลันและเวสต์อินเดียน ผลลักษณะค่อนข้างกลม ขนาดกลาง น้ำหนัก 300-500 กรัม ผิวผลขรุขระเล็กน้อย สีเขียว เปลือกหนา เนื้อสีเหลืองอ่อน รสดี เมล็ดขนาดกลาง มีไขมัน 7-14 เปอร์เซ็นต์ ช่วงเก็บเกี่ยวผล ประมาณเดือนกันยายนถึงตุลาคม พันธุ์บูท 8 (Booth-8) ลักษณะผลรูปไข่ ขนาดเล็กถึงกลาง น้ำหนักประมาณ 270-400 กรัม ผิวผลขรุขระเล็กน้อย สีเขียว เปลือกหนา เนื้อสีครีมอ่อน รสชาติพอใช้ มีไขมัน 6-12 เปอร์เซ็นต์ เมล็ดมีขนาดกลางถึงใหญ่ อยู่ในช่องเมล็ดแน่น ฤดูเก็บเกี่ยวประมาณเดือนกันยายนถึงตุลาคม พันธุ์ฮอลล์ (Hall) เป็นลูกผสมระหว่างเผ่ากัวเตมาลันและเวสต์อินเดียน ลักษณะผลคล้ายหลอดไฟ น้ำหนัก 400-500 กรัม ผลผิวค่อนข้างเรียบ สีเขียวเข้ม เปลือกหนาพอใช้ เนื้อสีเหลืองเข้ม เมล็ดขนาดกลางถึงใหญ่ ฤดูเก็บเกี่ยวประมาณเดือนกันยายนถึงตุลาคม และ พันธุ์แฮสส์ (Hass) เป็นพันธุ์เผ่ากัวเตมาลัน ลักษณะผลรูปไข่ ผิวผลขรุขระมาก ผิวสีเขียวเข้ม เมื่อสุกอาจเป็นสีเขียวเข้มหรือม่วงเข้ม ผลมีขนาดเล็ก น้ำหนัก 200-300 กรัม เนื้อผลสีเหลือง มีไขมัน ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ เมล็ดมีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เก็บเกี่ยวผลได้ในเดือนพฤศจิกายน ส่วนพันธุ์แฮสส์ มีปัญหาเรื่องความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เพียงพอ ทำให้ผลผลิตไม่ค่อยดี ส่งเสริมเพียงบางส่วน” คุณอาย เตจ๊ะ เกษตรกรบ้านแม่ขนิลเหนือ ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เมื่อก่อนปลูกข้าวไร่ ปลูกกล้วย ทำสวนลิ้นจี่มาโดยตลอด รายได้จากการจำหน่ายผลผลิตไม่ค่อยดี และไม่มีตลาดที่แน่นอน พร้อมทั้งต้องใช้หนี้ค่าปุ๋ย สารฆ่าแมลง ทำให้รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ประกอบกับสุขภาพก็ไม่ค่อยดี จึงมีแนวคิดจะปรับเปลี่ยนมาทำเกษตรแบบผสมผสาน พอมีเจ้าหน้าที่ส่งเสริมของโครงการหลวงเข้ามาแนะนำและส่งเสริมให้ปลูกอะโวกาโดอินทรีย์ จึงสนใจหันมาปลูกอะโวกาโด พร้อมทั้งปลูกพืชผักแบบผสมผสาน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา “ช่วงที่เริ่มปลูกอะโวกาโด จะปลูกต้นอะโวกาโดที่มีความต้านทานต่อโรคไว้ประมาณ 6 เดือน แล้วนำยอดพันธุ์ที่ทางโครงการหลวงส่งเสริมมาเสียบยอด หลังจากการเสียบยอดแล้ว ประมาณ 3 ปี ต้นอะโวกาโดจะให้ผลผลิตเพื่อจำหน่ายได้ ส่วนพืชผักที่ปลูก มียอดซาโยเต ถั่วฝักยาว มะเขือพวง ชะอม มะนาว สมุนไพรไทย เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ พริก ใช้สารชีวภาพที่ผลิตเองในการดูแลพืชผัก นอกจากนี้ ยังได้เลี้ยงไก่ประดู่หางดำ และเลี้ยงปลาในบ่อ ถือได้ว่าเป็นผลไม้ พืชผักอินทรีย์ และสัตว์เลี้ยงอินทรีย์ โดยได้รับรองจากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (มกท.) และ AVA ประเทศสิงคโปร์ ส่วนผลผลิตอะโวกาโด จะส่งให้กับร้านโครงการหลวง พืชผักอินทรีย์ และสัตว์เลี้ยง ปลูกไว้บริโภคเอง ที่เหลือจำหน่ายให้กับตลาดภายในหมู่บ้าน” คุณพิเชษฐ์ กล่าวเสริมว่า สำหรับทางโครงการหลวงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก โดยมี 2 วิธี วิธีแรก มีการปลูกต้นตอต้นอะโวกาโดที่มีความทนทานต่อโรคไว้ประมาณ 6 เดือน แล้วนำกิ่งพันธุ์มาเสียบ และอีกวิธี นำต้นกล้าพันธุ์ที่ต้องการปลูกมาลงปลูกในหลุมที่เตรียมไว้ ที่มีความกว้าง 80 เซนติเมตร ยาว 80 เซนติเมตร และสูง 80 เซนติเมตร แต่ละต้นห่างกันประมาณ 8 เมตร ผสมปุ๋ยคอกคลุกเคล้ากับดินที่ขุดขึ้นมาแล้วใส่ลงไปในหลุม ให้รอยต่อกิ่งหรือรอยแผลติดตาอยู่เหนือระดับดิน กลบดินรอบๆ โคนต้นให้แน่นและรดน้ำให้ชุ่ม แล้วคลุมผิวหน้าดินด้วยวัตถุคลุมดินที่เตรียมไว้ เพื่อรักษาความชื้น ปักไม้หลักผูกเชือกยึดติดไว้ป้องกันลมโยก รดน้ำให้สม่ำเสมอจนกว่าต้นจะตั้งตัวได้ การให้น้ำแต่ละครั้ง ประมาณ 20-30 ลิตร ต่อต้น ทุก 3-4 วัน ในช่วงระยะเวลา 1 เดือนแรก สำหรับในช่วงฤดูฝนของปีแรกหลังจากฤดูฝนแล้วจะให้น้ำต้นอะโวกาโดทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 40-60 ลิตร ต่อต้น จนกว่าต้นอะโวกาโดจะมีอายุ 1 ปีหลังจากปลูก ในช่วงที่ต้นอะโวกาโดออกดอกจะงดให้น้ำ พออะโวกาโดเกิดตาดอกที่ยอด และช่อดอกเริ่มออกให้น้ำใหม่ โดยช่วงดอกออกประมาณเดือนธันวาคม หลังจากนั้น ประมาณเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมเริ่มติดผลเล็กๆ ช่วงระยะเวลาตั้งแต่การติดดอกจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว ประมาณ 7-10 เดือน การเก็บเกี่ยวผลผลิตจะมีการตรวจสอบก่อนว่า ผลแก่พอเก็บได้ โดยใช้วิธีการเก็บผลอะโวกาโด ระดับที่ต่างกันบนต้นมาผ่าดูเยื่อหุ้มเมล็ด หากเยื่อหุ้มเมล็ดเป็นสีน้ำตาลทั้งหมด สามารถเก็บเกี่ยวได้ นอกจากนี้ ยังต้องสังเกตลักษณะภายนอกของผลโดยการเปลี่ยนแปลงของสีผล การเก็บเกี่ยวผลอะโวกาโดจะไม่ให้ขั้วผลหลุด เพราะจะทำให้ผลเสียหายได้ง่ายขณะบ่มให้สุก ส่วนผลผลิตอะโวกาโดในปีนี้ที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวได้จากเกษตรกร ประมาณ 55 ตัน ซึ่งขนาดของผลผลิตที่รับซื้อ พันธุ์ปีเตอร์สัน น้ำหนัก 200 กรัม พันธุ์บัคคาเนียร์ น้ำหนัก 250 กรัม พันธุ์บูท 7 บูท 8 และพันธุ์ฮอลล์ น้ำหนัก 250 กรัม ต้นอะโวกาโด 1 ต้น ให้ผลผลิต 70-100 กิโลกรัม ราคารับซื้อ กิโลกรัมละ 20 บาท สำหรับผู้สนใจซื้อ อะโวกาโด ได้ที่ ร้านค้าโครงการหลวง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณพิเชษฐ์ ภาโสภะ เจ้าหน้าที่ส่งเสริมไม้ผล ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โทร. (089) 261-4532
วิธีแก้ไข :
 
ที่อยู่
 
หมู่บ้าน :
ตำบล / แขวง :
อำเภอ / เขต :
จังหวัด :
กรุงเทพมหานคร
รหัสไปรษณีย์ :
ภาค :
ภาคกลาง
แหล่งข้อมูล
 
แหล่งที่มา :
เทคโนโลยีชาวบ้าน วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556
 

ย้อนกลับ


   
วัตถุประสงค์โครงการ
   
จำแนกปัญหาตามภูมิภาค
จำแนกปัญหาตามจังหวัด
จำแนกปัญหาตามประเภท
สืบค้นตามชื่อเรื่องแบบใช้คีย์เวิร์ด
สรุปภาพรวมของปัญหา
สรุปประเภทปัญหาตามแผนที่ภูมิภาค
สรุปประเภทปัญหาตามแผนที่จังหวัด
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สารสนเทศเกษตร
เกษตรพลิกฟื้นชาติ
สารพันความรู้
กรมส่งเริมการเกษตร
ห้องสมุดกรมวิชาการเกษตร
เทคโนโลยีชาวบ้าน
หนังสือพิมพ์มติชน
ติดต่อ E-mail : คลิกที่นี่
 
 

สถิติจาก truehit.net

   


Download Acrobat Reader

Best view with IE 5.0 or later version at 800x600
All comments please mail to
Webmaster

This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร 0 2201 7256 แฟกซ์ 0 2201 7265
Email : info@dss.go.th
ปรับปรุง : Tuesday, May 2, 2017 11:07 PM