เข้าสู่เว็บสำนักหอสมุดฯ


รายละเอียดข้อมูล
เรื่อง :
ปลูกแตงไทยแบบมืออาชีพ กับ “ประไพร ศรีสุข”
   
ปัญหา :
 
 
“แตงไทย” เป็นพืชพื้นเมืองชนิดหนึ่งของประเทศไทย โดยมีปลูกอยู่ทั่วไปในทุกภาคของประเทศไทย ซึ่งมีการปลูกไว้สำหรับบริโภคกันมาเป็นเวลายาวนานจนถึงปัจจุบัน สามารถนำมาบริโภคได้ทั้งในระยะผลอ่อนและผลสุก สำหรับ แตงไทย ที่ปลูกในประเทศไทยนั้นมีความหลากหลายทางพันธุกรรมของสายพันธุ์เป็นอย่างมาก ในแต่ละพื้นที่ทั้งในด้านรูปร่างของผล ลวดลายบนผล สีผิวผล เปลือกผล เนื้อผล สีเนื้อ สีไส้ เป็นต้น นอกจากนี้ แตงไทย ยังเป็นพืชที่มีความทนทานต่อการเข้าทำลายของโรคและแมลงค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับแตงชนิดอื่น แตงไทย พืชผลไทยๆ มีปลูกกันมาแต่โบราณแล้ว ปัจจุบันเกษตรกรปลูกแตงไทยเป็นแบบรายได้เสริม ปลูกเพื่อใช้เป็นพืชคลุมดินแซมในสวนผลไม้ที่ต้นยังเล็กอยู่ คุณประไพร ศรีสุข เจ้าของ “สวนศรีสุข” เลขที่ 108/6 หมู่ที่ 6 ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร 66000 โทรศัพท์ (087) 306-6600 เกษตรกรหัวก้าวหน้าที่ใช้พื้นที่ว่างของสวนส้มโอที่ต้นส้มยังเล็ก ทดลองปลูกแตงไทย ตามท้องร่องสวน ในครั้งแรกที่ทดลองปลูก ประมาณ 1 ไร่ โดยปลูกแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่ได้ใส่ใจดูแลอะไรมากนัก เพียงรดน้ำเท่านั้น ปรากฏว่าเก็บผลแตงไทยขายได้เงินมาถึง 2,000 กว่าบาท “ตนเองและครอบครัวดีใจมาก ซึ่งไม่คิดว่าแตงไทยจะสามารถทำเงินได้มากขนาดนี้” คุณประไพร กล่าว “แตงไทยนั้นมีข้อดีหลายๆ อย่างคือ เป็นพืชที่ดูแลรักษาน้อย สามารถให้ผลผลิตเก็บได้เร็ว เพียงปลูกไป 55-60 วัน เท่านั้น ผลผลิตต่อไร่สูง ต้นทุนการผลิตน้อย ทำให้เกษตรกรเหลือกำไร ตลาดมีความต้องการสูง รับซื้อไม่อั้น” นี่เป็นคำบอกเล่าของจุดเริ่มต้นการหันมาปลูกแตงไทยของคุณประไพรที่เริ่มจาก 1 ไร่ เป็น 4 ไร่ และในปีหน้าเตรียมพลิกที่นา 50 ไร่ ปลูกแตงไทยทั้งหมด ทั้งหมดนี้ คงเป็นคำตอบได้ว่า ทำไม แตงไทยพืชพื้นบ้านธรรมดาจึงสร้างแรงจูงใจให้คุณประไพรกล้าตัดสินใจปลูกเพิ่มมากขึ้น แตงไทย มีหลายสายพันธุ์มาก เพราะแต่ละแหล่งมีแตงไทยที่มีรูปร่าง รูปทรง สีเนื้อแตกต่างกันออกไป แต่ที่ไร่คุณประไพร เลือกปลูกแตงไทยสายพันธุ์ “น่าน” หรือเรียกกันว่า “แตงน่าน” แตงน่าน เป็นสายพันธุ์ที่ตลาดต้องการ ผลใหญ่ 3-4 กิโลกรัม เมื่อสุกเนื้อในจะมีสีเหลืองส้ม เนื้อหนา รสชาติหวาน กลิ่นหอม สำหรับเมล็ดพันธุ์ได้มาจากการซื้อผ่านพ่อค้า ในกิโลกรัมละ 1,000 บาท (สามารถปลูกได้มากถึง 10 ไร่) ที่เข้ามารับซื้อ คุณประไพรให้เหตุผลว่า สาเหตุที่ซื้อจากพ่อค้า เพราะจะรู้ความต้องการของตลาด และเขาจะรับซื้อแตงไทยที่เขามาขายเมล็ดให้เท่านั้น ดังนั้น การปลูกแตงไทยในเบื้องต้นจำเป็นต้องได้สายพันธุ์ที่ตลาดต้องการเสียก่อนและต้องมีคนเข้ามารับซื้อที่แน่นอน คุณประไพร กล่าวย้ำเรื่องตลาดสำคัญที่สุด การเตรียมแปลงปลูก เริ่มจากไถแล้วก็ตากดินให้แห้ง ทิ้งไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรคและแมลงต่างๆ ในดิน จากนั้นจึงไถยกร่อง หลังร่องกว้าง 80-100 เซนติเมตร เว้นให้แปลงห่างกันประมาณ 4 เมตร จากนั้นหว่านปูนขาวให้ทั่วแปลงเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรคและปรับสภาพดินไม่ให้เหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อโรค หากดินไม่ค่อยมีความสมบูรณ์ ก็ควรใส่ปุ๋ยคอกเก่าเพิ่มลงไปในช่วงของการเตรียมแปลง ส่วนปุ๋ยเคมีนั้น ก็จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะแตงไทยเป็นพืชที่เจริญเติบโตเร็วมาก เพื่อให้พืชได้มีอาหารอย่างเพียงพอ ดังนั้น ต้องมีการหว่านปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 บนร่องแปลงปลูก ต่อจากนั้น ก็ต้องวางระบบน้ำ โดยคุณประไพรเลือกวางระบบสายน้ำหยดบนแปลงปลูก เพราะเดิมที่สวนมีท่อเมนของส้มโออยู่แล้ว ก็สามารถต่อระบบน้ำได้ไม่ยุ่งยากนัก ประกอบกับต้องใช้พลาสติกคุมแปลงเพื่อรักษาความชื้นของแปลงปลูกและลดปัญหาการกำจัดวัชพืช ทั้งนี้ ข้อดีของระบบน้ำหยดคือ สามารถให้ปุ๋ยเคมีผ่านระบบน้ำได้เลย ทำให้พืชสามารถนำไปใช้ได้เป็นอย่างดี ลดปัญหาการจัดการและแรงงานได้มาก คุณประไพร แนะนำ เมื่อเตรียมความพร้อมของแปลงปลูกดีแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการใช้พลาสติกคลุมแปลง คุณประไพรให้เคล็ดลับไว้ว่าจากประสบการณ์พบว่าการเลือกใช้ขนาดความกว้างของพลาสติกคลุมแปลงมีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นแตงไทย รวมถึงผลผลิตและน้ำหนักผลแตงไทยด้วย โดยพลาสติกคลุมแปลงส่วนมากที่ใช้กันคือ ความกว้าง 80 เซนติเมตร และขนาดความกว้าง 100 เซนติเมตร ซึ่งขนาดความกว้างของพลาสติกคลุมแปลง 80 เซนติเมตร จะดีกว่า เพราะเมื่อเถาแตงไทยเลื้อยพ้นพลาสติกคลุมแปลงลงมา รากของต้นแตงไทยจะได้น้ำที่ไหลชื้นนอกแปลงก่อน แต่ถ้าผืนพลาสติกกว้างเกินไปกว่าเถาแตงไทยจะเลื้อยพ้นก็ย่อมช้ากว่า ทั้งนี้ จากการสังเกตของไร่แตงไทยตัวเองและไร่แตงไทยคนอื่นๆ พบว่า แปลงที่ใช้พลาสติกคลุมแปลงกว้าง 80 เซนติเมตร นั้นต้นเจริญเติบโตเร็วกว่า ผลแตงไทยมีน้ำหนักผลดี เผื่อท่านที่สนใจลองนำไปประยุกต์ใช้ดูว่าจริงหรือไม่ คุณประไพร กล่าว เมื่อปูพลาสติกจนหมดแล้ว ก็จะเจาะรู โดยใช้ระยะปลูก 50 เซนติเมตร เมล็ดแตงไทย พันธุ์ “แตงน่าน” เป็นเมล็ดที่พ่อค้าที่เข้ามารับซื้อนำสายพันธุ์มาจำหน่ายให้ และรับซื้อคืนทั้งหมด รับในจำนวนมาก เมล็ดพันธุ์ก่อนการปลูก คุณประไพรจะนำเมล็ดพันธุ์ไปคลุกกับสาร “สตาร์เกิล จี” สารดังกล่าว จะช่วยป้องกันกำจัดแมลงปากดูดต่างๆ ที่เป็นพาหะของโรคไวรัสได้เป็นอย่างดี เช่น แมลงหวี่ขาว เพลี้ยแป้ง เพลี้ยอ่อน ด้วงเต่าแตงที่ชอบมากัดกินใบ และหนอนชอนใบ เป็นต้น ซึ่งสามารถคุมแมลงศัตรูแตงไทยได้นานถึง 25-30 วันทีเดียว และสารสตาร์เกิล จี ใช้แล้วปลอดภัยกับคนรับประทานอีกด้วย บางคนคิดว่ามีต้นทุนสูง ไม่กล้าซื้อมาใช้ แต่จริงๆ แล้วการเลือกใช้สารเคมี เป็นการเลือกสารที่ดีและปลอดภัยมันคุ้มค่า เพราะเราไม่ต้องคอยระวังการทำลายของแมลงนานพอสมควรในช่วงที่ต้นกล้ายังเล็กๆ ประหยัดการใช้ยาได้พอสมควรเลย การปลูก ควรเปิดน้ำให้แปลงมีความชื้นเสียก่อน จากนั้นคุณประไพรก็จะหยอดเมล็ดพันธุ์แตงไทยโดยตรงเลยที่หลุมปลูก จะหยอดหลุมละประมาณ 5-6 เมล็ด หลังจากนั้น 2-3 วัน เมล็ดแตงไทยก็จะทยอยงอกพร้อมๆ กันทั้งหมด ก็ต้องมาคัดเลือก “อย่างที่บอก ในช่วง 20 วันแรกเราแทบจะไม่ต้องยุ่งในเรื่องของการฉีดพ่นสารเคมีเลย เพราะด้วยเราคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสาร “สตาร์เกิล จี” แต่ให้สังเกตว่ามีอะไรมาลงทำลายต้นแตงไทย แล้วฉีดแก้ไขตามสถานการณ์” คุณประไพร กล่าว ซึ่งที่ผ่านมา คุณประไพร บอกว่า มีเพลี้ยไฟ ไร และหนอนชอนใบ ช่วงที่เป็นใบอ่อน กำลังทอดยอด โดยจะใช้สารกลุ่มคาร์โบซัลแฟน (เช่น ไฟซ็อต แจคเก็ต) ยืนพื้น ฉีดสัก 7-10 วัน คุมใบอ่อนไว้ไม่ให้เสียหาย ฉีดในช่วงที่แตงไทยยังไม่มีการออกดอก แต่หากพบการระบาดในช่วงแตงไทยออกดอกและติดผลอ่อนก็จะเปลี่ยนมาใช้สารกลุ่มอิมิดาคลอพริด (โปรวาโด สตาร์เกิล จี) ซึ่งสารกลุ่มดังกล่าวค่อนข้างใช้ได้ดี ไม่มีผลกระทบกับดอกของแตงไทย แต่ถ้าเป็นไปได้ ช่วงที่แตงไทยออกดอก ควรเว้นการใช้สารเคมีที่ฆ่าแมลง เช่น ผึ้ง มิ้ม เป็นต้น เพราะแตงไทยเป็นพืชที่ต้องการการผสมดอกจากแมลงเหล่านี้ การใช้สารเคมี ต้องใช้ให้เป็น รู้จังหวะการใช้ จึงจะได้ประโยชน์สูงสุดและต้นทุนการผลิตจะได้ไม่สูง เมื่อแตงไทยอายุได้ 20 วัน ให้เร่งการเจริญเติบโต ให้เถาแตงไทยเดิน ให้ปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 ให้ผ่านระบบน้ำหยดเป็นครั้งที่ 2 การใส่ปุ๋ยทุกครั้งของไร่แตงไทยคุณประไพรนั้น จะให้ปุ๋ยไปพร้อมกับการให้น้ำหยด โดยคุณประไพรแนะนำว่า การใส่ปุ๋ยไปกับระบบน้ำนั้น จะต้องนำปุ๋ยเคมีทางดิน สูตร 15-15-15 มาละลายกับน้ำสะอาด กวนปุ๋ยกับน้ำในถัง คนให้ปุ๋ยละลายให้หมด เสร็จแล้วทิ้งไว้ให้กากปุ๋ยตกตะกอน 1 คืน เช้าขึ้นมาก็จะรินส่วนที่เป็นน้ำใสๆ ชั้นด้านบนมา ใช้โดยปล่อยน้ำปุ๋ยที่ได้ไปพร้อมกับระบบน้ำหยด ซึ่งระบบน้ำแบบนี้ลงทุนครั้งเดียว ประหยัดทั้งเวลา แรงงาน ค่าใช้จ่ายเป็นอย่างมาก และให้ผลดีอย่างชัดเจนกับแตงไทยด้วย เมื่อแตงไทยอายุได้ราว 30 วัน จะเป็นช่วงที่ต้นแตงไทยเริ่มออกดอกชุดแรกและเริ่มติดผลอ่อน ซึ่งเป็นช่วงสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีความเข้าใจหรือประสบการณ์ในการปลูก มักจะเข้าใจกันว่าน่าจะต้องใส่ปุ๋ยในช่วงที่แตงไทยติดดอกออกผลอ่อน “ที่จริงห้ามใส่ปุ๋ยในช่วงดังกล่าว เพราะดอกและผลอ่อนจะหลุดร่วง หรือสลัดดอกและผลอ่อนทิ้งทันที่” คุณประไพร กล่าว ช่วงการออกดอกและติดผลครั้งแรกต้องระวัง โดยจะเริ่มใส่ปุ๋ยครั้งที่ 3 ด้วยสูตร 15-15-15 ในช่วงที่ผลแตงไทยมีขนาดประมาณข้อแขนมือ หรือผลใหญ่กว่าไข่เป็ดเบอร์ใหญ่ หรือผลแตงอ่อน มีน้ำหนัก 100-200 กรัม ซึ่งจะเป็นช่วงที่ต้นแตงไทยอายุประมาณ 45 วัน ให้สังเกตจากขนาดผลเป็นหลัก ในการให้ปุ๋ย ครั้งที่ 3 และการใส่ปุ๋ย ครั้งที่ 4 ก็มักจะใส่ช่วงผลแตงไทยชุดแรกมีขนาดใหญ่ ประมาณ 1-2 กิโลกรัม เพราะเป็นช่วงสร้างเนื้อขยายผล “ที่ไร่จะใส่ปุ๋ยเคมี สูตรเสมอ 15-15-15 ยืนพื้น เพราะสังเกตว่าดินที่นี่ค่อนข้างดี สมบูรณ์ เพราะแตงไทยที่ไร่ผลค่อนข้างใหญ่ เนื้อหนา และรสชาติหวานไม่จืดชืด แต่ในบางพื้นที่อาจจะมีปัญหาเรื่องความสมบูรณ์ของดิน ก็จะใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 13-13-21 ช่วยเพิ่มความหวานให้กับแตงไทยของตน” ส่วนการให้ฮอร์โมนอาหารเสริม คุณประไพร แนะนำว่า จะเลือกใช้ฮอร์โมนที่มั่นใจว่าดีเท่านั้น เช่น “แคลเซียมโบรอนอี” ซึ่งจะช่วยในการออกดอกและติดผลดี ฉีดพ่นได้ตั้งแต่ก่อนการออกดอก และฉีดเรื่อยไปตลอดของการปลูก เพราะแตงไทยจะออกดอกติดผลตลอด และสาร “โพลี่เอไซม์” ที่จะเน้นฉีดพ่นให้ช่วงที่ขยายผลสร้างเนื้อ เพราะช่วยให้น้ำหนักผลแตงไทยเพิ่มดีมากอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับไร่อื่นๆ ที่ทำแตงไทยด้วยกัน คุณประไพร แนะนำเพิ่มเติมว่า เกษตรกรห้ามใช้ฮอร์โมนที่มีส่วนผสมของ “กากน้ำตาล” ซึ่งมักจะมีขายกันในราคาถูกมากๆ ซึ่งฮอร์โมนที่มีส่วนผสมของกากน้ำตาล จะทำให้เนื้อแตงไม่แน่น เนื้อหลวม น้ำหนักผลไม่ดี เถายุบ ผลที่บ่มไปขายเก็บรักษาได้ไม่นาน เน่าเร็วกว่าปกติ ซึ่งพ่อค้าที่รับซื้อจะกลัวมาก ถ้าเขารับไปขาย 1 รุ่น แล้วเจอปัญหาแบบนี้ เขาก็จะไม่มารับซื้ออีก เมื่อแตงไทยอายุได้ 55 วัน ก็จะเริ่มเก็บเกี่ยวรุ่นแรก (มีดแรก) ได้ ผลแตงไทย จะมีน้ำหนักผลโดยเฉลี่ย 3-4 กิโลกรัม โดยสังเกตว่าแตงผลแก่เก็บขายได้คือ ผลแตงไทยจะมีแต้มเหลือง 1-2 แต้ม ที่ผิวผล แสดงว่าผลแตงแก่แล้ว สามารถตัดออกจากแปลงได้แล้ว แต่บางครั้งผลแตงที่อยู่ใต้ใบไม่ค่อยโดนแดด ผิวก็จะค่อนข้างเขียว เกษตรกรก็พิจารณาจากอายุการเก็บเกี่ยวและผิวภายนอก การเก็บแตงไทยจะใช้กรรไกรตัด แล้วใส่กระสอบกองไว้ แล้วจะทยอยขนใส่รถไปคัดแยกที่โรงคัดอีกที ซึ่งจะส่งขายพ่อค้าเป็น 2 ขนาด คือ “ขนาดเบอร์ใหญ่” คือผลมีน้ำหนักเกิน 1.5 กิโลกรัม ขึ้นไป กับ “ขนาดเบอร์กลาง” คือน้ำหนักผลน้อยกว่า 1.5 กิโลกรัม ลงมา แต่แหล่งปลูกอื่นอาจจะมีขนาดเบอร์เล็ก (บางที่เรียก ลูกปลาย ลูกกอล์ฟ) ซึ่งขนาดผลจะเล็กมากเท่ากำปั้นมือ “ที่ไร่เราไม่มีแตงไทยเบอร์นี้เลย โดยเฉลี่ยแล้วที่ไร่จะเป็นแตงขนาดใหญ่ทั้งหมด ราว 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 30 เปอร์เซ็นต์เป็นแตงขนาดกลาง” การขึ้นสินค้า คุณประไพร บอกว่า เมื่อแยกขนาด ชั่งผลแตงเสร็จ ก็ขึ้นรถพ่อค้าที่มารอขึ้นของ การเรียงผลแตงไทยขึ้นรถนั้นจะปูฟางข้าวรองพื้นกระบะรถก่อน เรียงผลแตงได้ 1 ชั้น ต่อจากนั้นก็จะต้องปูฟางข้าวทุกๆ ชั้น จนเต็มคันรถ โดยสามารถบรรทุกได้คราวละ 4,000 กิโลกรัมทีเดียว “แตงไทยไม่บ่มแก๊ส ไม่ได้กิน” แตงไทยจะต้องใช้ก้อนแก๊ส จะใช้ก้อนแก๊สชนิดเกล็ดเล็กๆ จะบ่มตอนนำแตงขึ้นรถนั้นเอง โดยจะแทรกก้อนแก๊สแบบเกล็ด ประมาณ 1 หยิบมือเล็กๆ ห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ไปใส่เป็นระยะๆ โดยอัตราการใช้ก้อนแก๊ส 1 กิโลกรัม ต่อการบ่มแตงไทย 300 กิโลกรัม เมื่อขนส่งแตงไทย ก็จะถูกบ่มราว 1 คืน บนรถ เมื่อแตงไทยไปอยู่บนแผงแม่ค้า ก็จะสุกพร้อมกันอย่างสม่ำเสมออย่างพอดี ส่งกลิ่นหอมให้ชวนซื้อ ราคารับซื้อแตงไทยจากไร่ตอนนี้ ราคาแตงไทยเบอร์ใหญ่ กิโลกรัมละ 7 บาท ส่วนแตงไทยเบอร์กลาง กิโลกรัม 4 บาท ราคาถือว่าดี เกษตรกรอยู่ได้สบาย ประกอบกับแตงไทยสามารถติดผลได้เรื่อยๆ ไว้เถาละกี่ผลก็ได้ ขอให้ทรงผลสวยสมบูรณ์เป็นอันใช้ได้หมด โดยจะสามารถตัดเก็บเกี่ยวได้ต่อเนื่องประมาณ 8 มีด หรือ 8 ครั้ง ทีเดียว หลังการเก็บเกี่ยวมีดแรกแล้ว ก็จะสามารถตัดมีดต่อๆ ไปได้ทุกๆ 3-4 วัน ซึ่งต่างจากแตงโมที่เก็บเกี่ยวได้ 2-3 มีด ก็หมดแล้ว ปลูกแตงไทย 1 ไร่ จะเหลือกำไร ไร่ละ 20,000 บาท คุณประไพร กล่าวอย่างภูมิใจ ต้นทุนการผลิตแตงไทย 1 ไร่ จะอยู่ประมาณ 2,000 บาท คือเป็นค่าเดินระบบน้ำหยด ค่าปุ๋ย สารป้องกันกำจัดแมลง ฮอร์โมนพืช พลาสติกคลุมแปลง ไถที่ ปูนขาว ฯลฯ แต่การลงทุน 1 ครั้ง เกษตรกรสามารถปลูกแตงไทยได้ถึง 3 ครั้งทีเดียว (พลาสติกคลุมแปลงจะขาดหมดสภาพพอดี) โดยใช้แปลงปลูกเดิม หลุมปลูกเดิม ปลูกต่อได้เลย เมื่อแตงไทยหมดรุ่นแล้ว คุณประไพรจะใช้วิธีการฉีดยาฆ่าหญ้าสารไกลโฟเสท (เช่น ดีเฟนซ่า) ฉีดให้เถาแตงตาย เมื่อเถาแตงแห้งตายแล้วก็สามารถหยอดเมล็ดปลูกได้ต่อไป เมื่อปลูกได้สัก 3 ครั้ง หรือ 1 ปีพอดี จึงจะรื้อแปลงทั้งหมดออก อย่างปลูกครั้งแรกที่ผ่านมา ซึ่งปลูกแตงไทย 4 ไร่ ได้เงิน 80,000 บาท ทีเดียว
วิธีแก้ไข :
 
ที่อยู่
 
หมู่บ้าน :
ตำบล / แขวง :
เมืองเก่า
อำเภอ / เขต :
เมือง
จังหวัด :
พิจิตร
รหัสไปรษณีย์ :
66000
ภาค :
ภาคกลาง
แหล่งข้อมูล
 
แหล่งที่มา :
เทคโนโลยีชาวบ้าน วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556
 

ย้อนกลับ


   
วัตถุประสงค์โครงการ
   
จำแนกปัญหาตามภูมิภาค
จำแนกปัญหาตามจังหวัด
จำแนกปัญหาตามประเภท
สืบค้นตามชื่อเรื่องแบบใช้คีย์เวิร์ด
สรุปภาพรวมของปัญหา
สรุปประเภทปัญหาตามแผนที่ภูมิภาค
สรุปประเภทปัญหาตามแผนที่จังหวัด
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สารสนเทศเกษตร
เกษตรพลิกฟื้นชาติ
สารพันความรู้
กรมส่งเริมการเกษตร
ห้องสมุดกรมวิชาการเกษตร
เทคโนโลยีชาวบ้าน
หนังสือพิมพ์มติชน
ติดต่อ E-mail : คลิกที่นี่
 
 

สถิติจาก truehit.net

   


Download Acrobat Reader

Best view with IE 5.0 or later version at 800x600
All comments please mail to
Webmaster

This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร 0 2201 7256 แฟกซ์ 0 2201 7265
Email : info@dss.go.th
ปรับปรุง : Tuesday, May 2, 2017 11:07 PM