เข้าสู่เว็บสำนักหอสมุดฯ


รายละเอียดข้อมูล
เรื่อง :
รายงานพิเศษ ข้าวอินทรีย์ ยโสธร ของดีที่คนไทยและเทศยอมรับ/“ข้าวคุณธรรม” จากผู้ผลิตที่มีคุณธรรม เมืองบั้งไฟ
   
ปัญหา :
 
 
บ่อยครั้งที่ได้รับรู้ ได้ดู ได้เห็น เรื่องราวของข้าวอินทรีย์ผ่านทางสื่อหลายชนิด มีหลายคนพอเห็นว่าเป็นข้าวอินทรีย์รีบควักกระเป๋าซื้อหามาบริโภคทันที โดยยังไม่มีข้อมูลที่ละเอียดเท่าไรนัก เพียงแค่รู้ว่าเป็นข้าวที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ที่บอกว่าข้อมูลรายละเอียดหมายถึงควรต้องรู้ถึงแหล่งผลิต กลุ่มผู้ผลิต ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อแน่ใจว่า ข้าว ที่บริโภคนั้นเป็นอินทรีย์ที่แท้จริง
วิธีแก้ไข :
 

ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า ข้าวอินทรีย์ นั้นหมายถึงการปลูกข้าวตามขั้นตอนและกระบวนการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ (Organic agriculture หรือ Organic Farming) ซึ่ง เป็นวิธีการผลิตที่หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี หรือสารสังเคราะห์ต่างๆ เป็นต้นว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโต สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรคแมลงและสัตว์ศัตรูข้าวในทุกขั้นตอนการผลิตและในระหว่าง การเก็บรักษาผลผลิต

ผลิตข้าวอินทรีย์ ชื่อ “ข้าวคุณธรรม”

ที่เน้นคุณธรรมของผู้ปลูกเป็นหลัก

มี เกษตรกรชาวนาที่ยโสธรกลุ่มหนึ่ง พวกเขาปลูกข้าวอินทรีย์เพื่อจำหน่าย และปฏิบัติตามขั้นตอนการปลูกที่ว่าอย่างเคร่งครัด แต่ดูเหมือนว่าเพียงแค่ปลูกข้าวอินทรีย์ที่มีความเข้มงวดอย่างเดียวคงไม่พอ ดังนั้น พวกเขาจึงพากันเข้าสู่กระบวนการรักษาศีลธรรม (ศีล 5) อาทิ ไม่โกหก ไม่ดื่มสุรา ไม่เล่นการพนัน

หรือ พูดง่ายๆ คือ ปลูกข้าวที่ดีไม่พอ คนปลูกต้องเป็นคนดีด้วย จึงจะทำให้คนอื่นเชื่อถือและศรัทธา ทั้งนี้โดยได้กำหนดชื่อ ข้าวอินทรีย์ที่พวกเขาปลูกกัน ในชื่อ “ข้าวคุณธรรม”         

แนวคิดดังกล่าวข้างต้น มาจากกลุ่มชาวนา ซึ่งเรียกตัวเองว่าเครือข่ายคุณค่าข้าวคุณธรรมโดยการนำของ คุณวิจิตร บุญสูง ปราชญ์ชาวบ้าน ทำมาร่วม 9 ปี ภายใต้เครือข่ายของมูลนิธิธรรมร่วมใจ วัดป่าสวนธรรม อำเภอนาโส่ จังหวัดยโสธร ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างเอกลักษณ์ให้กับข้าวที่ผลิต ด้วยการนำเสนอเรื่องคุณธรรมของชาวนาผู้ผลิตข้าว

“ข้าว คุณธรรมว่าจะเน้นให้ความสำคัญที่คนผลิตข้าวหรือชาวนา เพราะต้นทางของการผลิตอยู่ที่คนเป็นหลัก เพราะฉะนั้นถ้าคนปลูกข้าวเป็นคนดี ที่อยู่ในศีลธรรมและเป็นคนที่มีคุณธรรมประจำตัวแล้ว ความน่าเชื่อถือจะเกิดขึ้น ดังนั้นหลักคิดคือ ต้องยึดคนทำเป็นหลัก

ถ้า คนทำข้าวขาดซึ่งความรับผิดชอบ หรือมีการโกหกแล้ว ข้าวที่ผลิตออกมาจะเชื่อได้หรือไม่ว่าเป็นข้าวอินทรีย์จริง ดังนั้น จึงตั้งเกณฑ์ว่าคนผลิตข้าวจะต้องเลิกอบายมุข ทั้งเหล้า บุหรี่ การพนัน ตลอดจนให้รักษาศีล และต้องใช้ชีวิตความเป็นอยู่แบบสมถะ แตกต่างจากความน่าเชื่อถือเรื่องข้าวในต่างประเทศ เพราะมักจะใช้กระบวนการตรวจสอบขั้นตอนเป็นหลัก” คุณวิจิตร กล่าว

ผลผลิตที่ตกต่ำ

และการสุ่มเสี่ยงของสุขภาพ

นำมายังจุดเปลี่ยนจากเคมีเป็นอินทรีย์

เขา บอกว่า สมาชิกที่ต้องการเข้ามาอยู่ในกลุ่มข้าวคุณธรรม จะต้องเป็นคนที่มีความตั้งใจและตั้งมั่นสูง ที่สำคัญได้กำหนดกติกาอย่างเข้มงวดว่า ทุกคนต้องบริสุทธิ์ ไม่ตั้งอยู่ในอบายมุขทุกชนิด ปัจจุบันสมาชิกของกลุ่มข้าวคุณธรรมมีจำนวนกว่า 100 คน

เดิมคุณวิจิตรปลูกข้าวโดยการใช้สารเคมี แล้วเปลี่ยนใช้เป็นอินทรีย์ เมื่อ 22 ปี ที่แล้ว จุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาตัดสินใจเพราะเชื่อมั่นว่าถ้ามีการปรับปรุงบำรุงดิน ให้ดีโดยปราศจากสารเคมีแล้ว จะได้ผลผลิตสูงเช่นกัน ทั้งนี้เนื่องจากหัวใจของเกษตรอินทรีย์คือ ดินและสิ่งแวดล้อม แต่กว่าจะทำให้ดินดีมีคุณภาพและสมบูรณ์ได้ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน และใช้เวลานาน

ปัจจุบันเขาทำนาเกษตรอินทรีย์บนเนื้อที่เกือบ 60 ไร่ พร้อมไปกับการปลูกผักออร์แกนิคทุกชนิดสลับเปลี่ยนไปตามฤดูกาล บนเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่

ได้รับการรับรองจากหน่วยงาน

ด้านอินทรีย์ที่ได้มาตรฐานถึง 2 แห่ง

จาก ความเป็นผู้ที่ตั้งมั่น ยึดมั่นในหลักคุณธรรมอย่างแท้จริง ทำให้คุณวิจิตรเลิกสูบบุหรี่และดื่มเหล้ามาเป็นเวลานาน ทั้งนี้เพราะเขาตระหนักว่าคุณธรรมควรเริ่มจากตัวเองก่อน

อีก ทั้งภายหลังจากการมุ่งมั่นที่จะสร้างผืนดินแห่งนี้เป็นคุณธรรมอย่างแท้จริง จึงทำให้ได้รับการรับรองความเป็นอินทรีย์จากหน่วยงานทั้งภายในและต่างประเทศ คือสำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (มกท.) และสหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (International Federationof Organic Agriculture Movements-IFOAM)

คุณวิจิตร ชี้ว่าผลดีของการเปลี่ยนมาปลูกข้าวอินทรีย์ นอกจากจะทำให้ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นจากเดิม 20-30 ถัง ต่อไร่ มาเป็น 40-50 ถัง ต่อไร่แล้ว เหตุผลด้านสุขภาพก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะการใช้สารเคมีมากและเป็นเวลานานจะนำไปสู่ความเสื่อมถอยของสุขภาพ อันนำมาซึ่งโรคภัยต่างๆ

ใน ทางกลับกัน ผลเสียจากการใช้สารเคมีกลับสร้างความขัดแย้งทางสังคมระหว่างผู้ที่ยังใช้ เคมีและผู้ที่เลิกใช้แล้ว ตัวอย่างกรณีที่เกิดขึ้นชัดเจนเรื่องข้อพิพาทของชาวบ้านที่ใช้สารเคมีปลูก ข้าว กับอีกรายที่ไม่ใช้อินทรีย์ปลูกข้าวว่า รายหนึ่งใช้ยาฆ่าหญ้าฉีดพ่นในนา

ขณะ ที่อีกรายหนึ่งใช้แนวทางอินทรีย์ปลูก แล้วพักอาศัยในผืนนาติดกัน พอโดนสารเคมีที่ฉีดพ่นจึงไม่สบายต้องเข้าโรงพยาบาล จึงมีการแจ้งความดำเนินคดีกัน ถ้าถามว่าผิดกฎหมายหรือไม่ คงตอบลำบาก แต่ถ้าพูดถึงคุณธรรมแล้วคงผิด

คุณวิจิตร ยังระบุว่า การเปลี่ยนแนวทางไปสู่กระบวนการอินทรีย์ทำให้เกิดตัวแปร 2 อย่าง คือ ราคาและคุณภาพผลผลิต อย่างผักอินทรีย์ที่ปลูกไว้ ดูหน้าตาอาจไม่สวย แต่เบื้องหลังคือ ความปลอดภัยอย่างแท้จริง จึงทำให้ได้ราคาสูง

คนทำข้าวคุณธรรม

ต้องยึดหลัก ตั้งใจ ตั้งมั่น และซื่อสัตย์

เขา อธิบายกระบวนการปลูกแบบอินทรีย์ว่า ในชั้นแรกต้องเริ่มที่คนปลูกต้องมีความเข้าใจเรื่องของอินทรีย์ก่อน แล้วต้องเข้าใจลึกลงไปอีกว่า สิ่งแวดล้อมรอบตัวคุณล้วนแต่เอื้อประโยชน์ทั้งนั้น อย่าไปคิดว่าการทำอินทรีย์จะต้องใส่เฉพาะปุ๋ยอินทรีย์เท่านั้น

“แต่ ต้องอยู่ที่คนทำด้วย เพราะความยั่งยืนของเกษตรอินทรีย์นั้นจะต้องเกิดจากความมั่นคง ความจริงใจ ซื่อสัตย์ ของผู้ผลิตเป็นสำคัญ เพียงแค่พูด แต่ไม่ทำ ก็ผิดแล้ว อย่างในนาของผมหรือของสมาชิกจะพบว่า มีแมลงอยู่เต็มไปหมด นั่นแสดงว่าความสมดุลทางธรรมชาติกลับคืนมาแล้ว”

การ ทำนาของคุณวิจิตรเพียงปีละครั้ง เขาใช้ทั้งวิธีทำนาดำและนาหลุมหรือนาหยอด ทั้งนี้จะใช้วิธีใดนั้นจะต้องดูจากสภาพทางธรรมชาติก่อน เขาเผยว่า ส่วนมากมักทำนาดำ แต่ถ้าบางปีเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงก็จะทำนาหลุม การทำนาหลุมโดยการใช้ไม้จิ้มลงในดิน แล้วใช้ต้นกล้าปักลงไป ทั้งนี้จะอาศัยความชื้นในดินที่พอมีแล้ว พอมีฝนลงมาต้นกล้าก็จะโตได้ แต่กรณีที่เป็นนาหว่าน จะใส่ปุ๋ยอินทรีย์ก่อนหว่าน หรือถ้าเป็นนาดำจะใส่ก่อนปักดำ ทั้งนี้จะใส่ปุ๋ยเพียงครั้งเดียว

“ผลผลิตที่ได้ 40-50 ถัง (400-500 กิโลกรัม) ต่อไร่ ปริมาณผลผลิตที่ได้นี้อาจดูไม่สูง แต่สำหรับผมและสมาชิกทุกคนเห็นว่าเป็นราคาที่อยู่ได้ ทั้งนี้เพราะพวกเขาประกอบอาชีพเกษตรกรรมอย่างอื่นสร้างรายได้อีกหลังจาก เสร็จนา”

เน้นปลูกข้าวสี และพัฒนาพันธุ์

ข้าวพื้นเมืองผสมข้าวสีขาย

น้ำ ที่ใช้ทำนาเป็นน้ำฝน แต่หากปีใดพบว่ามีปัญหาจากน้ำตามธรรมชาติแล้ว สมาชิกทุกคนจะนำน้ำจากที่ขุดไว้ในบ่อหรือสระมาใช้รดน้ำในนา คุณวิจิตร ระบุว่า การทำนาแบบอินทรีย์มีข้อดีคือ ดินจะมีความอุดมชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น หากฝนทิ้งช่วงก็อาจจะไม่ถึงกับเดือดร้อน เพราะดินยังคงมีความชื้นจากน้ำ ส่วนปุ๋ยอินทรีย์ที่ใช้มาจากการทำปุ๋ยชีวภาพ น้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยคอก น้ำฮอร์โมนไข่ ฮอร์โมนผลไม้

ข้าว อินทรีย์ที่กลุ่มปลูกขาย ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ และกลุ่มข้าวสี อันได้แก่ ข้าวสีแดง ขาวสีนิล ข้าวเหนียวแดง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ แต่ไม่ได้ปลูกข้าวหอมมะลิ 105 ทั้งนี้ เขาบอกว่าเพราะมีการปลูกกันมาก เลยต้องการฉีกตลาดมาปลูกข้าวอื่นที่ไม่ซ้ำ

นอกจากนั้นแล้ว ยังให้ความสำคัญกับข้าวพื้นเมืองที่ทางกลุ่มข้าวคุณธรรมมีสายพันธุ์อยู่ จำนวน 200 สาย พันธุ์ และได้กระจายให้สมาชิกปลูกกันตามความเหมาะสมของพื้นที่ อีกทั้งยังมีการนำข้าวพื้นเมืองมาผสมกับข้าวสี เพื่อให้มีสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นมาสร้างความน่าสนใจให้แก่ตลาดผู้บริโภค ด้วย

แนะ...ควรตรวจสอบแหล่งผลิต

และกลุ่มที่ผลิต ก่อนตัดสินใจซื้อ

คุณ วิจิตร แนะว่า ความเชื่อมั่นว่าเป็นข้าวอินทรีย์ที่แท้จริงนั้น หากท่านสามารถมาสืบถึงแหล่งผลิตได้ จะยิ่งทำให้เกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น แต่หากทำไม่ได้ควรดูจากฉลากที่บรรจุภัณฑ์ถึงกลุ่มและสถานที่ผลิตข้าวว่ามี ความเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน

ปลูกผักออร์แกนิค ส่งห้างดังหลายแห่ง

ผล จากความสำเร็จของการปลูกข้าวแบบอินทรีย์ที่ทำให้ธรรมชาติกลับมาเหมือนเดิม แล้ว คุณวิจิตรยังได้นำผักปลอดสารหรือผักออร์แกนิคหลายชนิดมาปลูกร่วมด้วย แล้วใช้วัตถุดิบที่เป็นปุ๋ยชนิดเดียวกับการปลูกข้าวมาเติมคุณค่าและความ สมบูรณ์แก่ผักเหล่านั้น

คุณ วิจิตร บอกว่า ผักปลอดสารจะใช้น้ำหมักชีวภาพเป็นหลัก ส่วนขั้นตอนและปริมาณปุ๋ยที่ใช้ เขาอธิบายว่าช่วงที่เตรียมแปลงจะใช้ปุ๋ยคอกก่อนแล้วตามด้วยน้ำหมัก แล้วให้รีบไถกลบ แล้วทิ้งไว้ระยะหนึ่งที่คิดว่ามีการย่อยสลายแล้ว จึงมาทำแปลงแล้วให้พ่นน้ำหมักอีกรอบ

ผัก ที่ปลูกไว้ เช่น ผักสลัดทุกชนิด ผักบุ้ง ขึ้นฉ่าย ผักชีจีน ต้นหอม กระเทียม กะหล่ำปลี แตงโม นอกจากนั้น ยังมีผักสมุนไพรที่ใช้ทำเครื่องแกง เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เขาบอกว่าขายดีมาก แล้วบอกต่อว่าปลูกขายไม่ค่อยทันกับความต้องการ

ส่วนช่องทางการจำหน่ายผักปลอดสารของคุณวิจิตรนั้น มีการดูแลโดยบริษัทที่มารับซื้อผักปลอดสารของคุณวิจิตร คือ อดัมส์ ออร์แกนิค หรือ บริษัท อดัมส์ เอ็นเตอร์ไพรเซส จำกัด (AEL) ซึ่ง ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์พืช แล้วยังมีบุคลากรอีกมากมายที่เข้ามาแนะนำให้ความรู้แก่ผู้ปลูกในแปลงเป็น ประจำ สำหรับตลาดของผักปลอดสารนั้นมักส่งไปจำหน่ายตามห้างดังหลายแห่ง

อีก มุมหนึ่งของแปลงนาในผืนดินของคุณวิจิตร เขาเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ไว้จำนวนหนึ่ง โดยใช้พืชผักปลอดสารที่ปลูกไว้นำมาเป็นอาหารของไก่ พร้อมทั้งมีการนำสมุนไพร อย่าง บอระเพ็ด มาผสมน้ำให้ไก่กิน เขาเผยว่า ถ้าไก่ได้กินน้ำบอระเพ็ดแล้วอารมณ์ดี จะกินได้ นอนหลับ แล้วให้ไข่ได้จำนวนมาก แถมยังเป็นไข่ออร์แกนิคเสียด้วย

“ข้าวคุณธรรมทุกเม็ด เต็มอิ่มด้วยศีล 5 อีกหนึ่งแง่มุมความดี ที่อบอวลอยู่ในสังคมไทย ปีใหม่นี้ ข้าวคุณธรรม น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะมอบเป็นของขวัญให้แก่กัน”

สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณวิจิตร บุญสูง บ้านเลขที่ 20 หมู่ที่ 2 ตำบลนาโส่ อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร โทร. (087) 872-1672

ที่อยู่
 
หมู่บ้าน :
ตำบล / แขวง :
อำเภอ / เขต :
จังหวัด :
ยโสธร
รหัสไปรษณีย์ :
ภาค :
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
แหล่งข้อมูล
 
แหล่งที่มา :
เทคโนโลยีชาวบ้าน วันที่ 10 มกราคม 2557
 

ย้อนกลับ


   
วัตถุประสงค์โครงการ
   
จำแนกปัญหาตามภูมิภาค
จำแนกปัญหาตามจังหวัด
จำแนกปัญหาตามประเภท
สืบค้นตามชื่อเรื่องแบบใช้คีย์เวิร์ด
สรุปภาพรวมของปัญหา
สรุปประเภทปัญหาตามแผนที่ภูมิภาค
สรุปประเภทปัญหาตามแผนที่จังหวัด
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สารสนเทศเกษตร
เกษตรพลิกฟื้นชาติ
สารพันความรู้
กรมส่งเริมการเกษตร
ห้องสมุดกรมวิชาการเกษตร
เทคโนโลยีชาวบ้าน
หนังสือพิมพ์มติชน
ติดต่อ E-mail : คลิกที่นี่
 
 

สถิติจาก truehit.net

   


Download Acrobat Reader

Best view with IE 5.0 or later version at 800x600
All comments please mail to
Webmaster

This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทร 0 2201 7256 แฟกซ์ 0 2201 7265
Email : info@dss.go.th
ปรับปรุง : Tuesday, May 2, 2017 11:07 PM