มะรุม หรือ ไม้ตีกลอง แม้ว่ามีถิ่นกำเนิดอยู่ที่อินเดียก็ตาม แต่แปลกที่
แขกกินมะรุมสดไม่เป็น ต้องรอให้ฝักแก่ แล้วจึงนำเมล็ดไปคั้นเอานํ้ามันมาใช้
แบบอเนกประสงค์ แถมยังมีราคาแพงอีกด้วย ที่รัฐพิหาร ทางภาคตะวันออก
เฉียงเหนือของอินเดีย นิยมปลูกต้นมะรุมไว้ริมทางสองข้างถนน ไม่ต่างจากบ้าน
เราปลูกต้นหางนกยูงหรือมะขามเทศ เลยทีเดียว มะรุมพันธุ์อินเดีย เป็นพืช
เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อนำมาปลูกในเมืองไทย เริ่มตั้งแต่ระยะกล้า ที่มี
อายุ 3-4 สัปดาห์ จะยืดตัวสูง แต่ด้วยต้นยังอ่อนทำให้โน้มลงและเลื้อย ต้อง
ปักกิ่งไม้เล็กๆ รัดด้วยเชือกดัดให้ตั้งตรง ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องตัดต้นเมื่อ
ลำต้นมีขนาดใกล้เคียงกับแท่งดินสอดำ ให้เหลือความสูงไว้ประมาณ 1 คืบ ทา
แผลด้วยปูนแดง หรือวัสดุอื่นตามความเหมาะสม อีกไม่ถึงสัปดาห์ ต้นตอจะ
แตกกิ่งออกมาใหม่ 1-2 ยอด ทำให้ต้นเตี้ยลงได้ เมื่อต้นโตขึ้นอายุประมาณ 2
เดือน นำปลูกลงดิน ขุดหลุมขนาดกว้างและลึก 30 เซนติเมตร เท่ากัน เกลี่ย
หน้าดินมากองไว้ให้เป็น 3 ส่วน แกลบดิบ 1 ส่วน ทรายหยาบ 1 ส่วน และปุ๋ย
คอกเก่าอีกพอประมาณ คลุกเคล้าให้เข้ากัน เกลี่ยกลับลงหลุม ปลูกต้นกล้าที่
กลางหลุม กลบดินพอแน่นเป็นรูปหลังเต่า ใส่ปุ๋ย สูตร 15-15-15 อัตรา 1 ช้อน
ชา โรยห่างจากโคนต้นเล็กน้อย แล้วรดนํ้าตาม กรณีไม่มีที่มากพอ แนะนำให้
ปลูกลงในกระถาง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 18-20 นิ้ว ใช้ดินผสมสูตรเดียวกัน
หมั่นรดน้ำและดูแลอย่างสม่ำเสมอ และใส่ปุ๋ยสูตรเดิม อัตรา 1 ช้อนโต๊ะ ไม่พูน
โรยรอบต้น ห่างจากโคนเล็กน้อย เดือนละ 1 ครั้ง แล้วรดนํ้าตาม ครบ 6-7 เดือน
จะออกดอกให้ชื่นชม อีกไม่นานก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ หลังเก็บผลผลิตรุ่นแรก
แล้วต้องตัดให้เตี้ยลง รักษาทรงพุ่มให้สวยงามอย่าให้เกะกะ ทาแผลด้วยปูนแดง
ป้องกันเชื้อโรคเข้าทำลาย หรือไม่ให้เกิดการระเหยนํ้าอีกด้วย อย่ากลัวว่าต้นจะ
ชะงัก ไม่ช้าต้นมะรุมจะแตกกิ่งอ่อนออกมาใหม่อย่างรวดเร็วทันใจ แล้ว
ติดดอกออกผลหมุนเวียนไปเกือบตลอดทั้งปี การโชยนํ้าให้ดอกมะรุม
ขณะติดดอก จะช่วยให้ติดฝักดียิ่งขึ้น ขอให้โชคดี