ปลาหมอตัวละ 1 กก.เป็นความสำเร็จของเกษตรกรในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ที่ลองผิดลองถูกเกือบ 4 ปี นำปลาหมอพันธุ์พื้นบ้านผสมข้ามสายพันธุ์กับปลาหมอท้องตลาด ผ่านกระบวนการแปลงเพศจนเป็นสายพันธุ์ที่นิ่ง ไม่ข้ามสายพันธุ์ สร้างชื่อเสียงให้ โปโลฟาร์ม เป็นที่ยอมรับมายาวนานเกือบ 10 ปี จนเจ้าของ นิตยา กัณฑิศักดิ์ วัย 46 ปี มีเครือข่ายเป็นเกษตรกรเพาะเลี้ยงปลาหมอทั่วประเทศ และมีฟาร์มเพาะเลี้ยงของตัวเองกว่า 40 บ่อ
ความอุดมสมบูรณ์ของบ้านโปโล ต.กมลาไสย อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ นับเป็นแหล่งเลี้ยงปลาหมอแหล่งใหญ่ที่สุดในประเทศ มีเกษตรกรเลี้ยงปลาหมอ 81 ราย อัตราเฉลี่ยปลาหมอสู่ตลาด 700-800 ตันต่อปี
นิตยา กัณฑิศักดิ์ เจ้าของฟาร์มโปโล เล่าว่า เดิมทีได้เพาะเลี้ยงปลาดุกแต่เมื่อเกิดปลาดุกราคาตกต่ำ จึงมีแนวคิดที่จะหาพันธุ์ปลาใหม่ๆ มาเพาะเลี้ยง กระทั่งเห็นปลาหมอตามท้องนา ที่คนอีสานนิยมบริโภค เพราะเป็นปลาที่มีรสชาติอร่อย ประกอบอาหารได้หลากเมนู อีกทั้ง ปลาหมอยังเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั่วทุกภาค จึงเริ่มศึกษาหาความรู้เพื่อจะเริ่มเรียนรู้การเลี้ยงปลาหมอ จากทั้งสถานศึกษา เกษตรกรที่เคยเลี้ยงมาก่อนลองผิดลองถูกมานาน สุดท้ายเลยลองขยายพันธุ์เอง เอาปลาหมอตามท้องไร่ท้องนามาผสมพันธุ์กับปลาหมอที่ขายตามท้องตลาด กระทั่งประสบผลสำเร็จ สามารถนำปลาหมอที่อยู่ในช่วงอนุบาลมาแปลงเพศตามเทคนิควิธีการของทางฟาร์ม และเลี้ยงโดยอาหารปลาดุก ใช้เวลาเลี้ยงให้อาหารเช้าเย็นอยู่ 3 เดือน ก็ได้ปลาหมอไซส์ยักษ์จำหน่าย
“คุณสมบัติเด่นของปลาหมอจากฟาร์มโปโล จะมีโครงสร้างลำตัวคล้ายรูปใบโพธิ์ หัวเล็ก ขึ้นสัน ตัวสีเหลืองทองและมีไข่ทุกตัว ระยะเวลาเลี้ยง 90 วัน ปลาจะมีขนาด 300-400 กรัม หรือ 3 ตัว ต่อ 1 กก. ขณะที่การเลี้ยง 120 วัน จะมีขนาดตัวละ 1 กก.สำหรับบ่อจะมีขนาด 1 ไร่ ความลึกประมาณ 1.20-1.50 เมตร เลี้ยงปลาหมอได้ 1.5-2 หมื่นตัว อัตราการตายจะน้อยกว่าปลาอื่นๆ เพราะมีความอึด ความทนต่อภาวะแห้งแล้งน้ำน้อยเป็นอย่างดี"
นิตยา ระบุว่า ตอนนี้ปลาหมอขายกันที่ปากบ่อ ราคา กก.ละ 80-100 บาท ส่วนการจำหน่ายแบบปลาน็อกเพื่อส่งห้องเย็นเฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 100 บาท 1 บ่อจะได้ปลาสดวัย 3 เดือนอยู่ที่ 5,000-6,000 กก. ขณะที่ทางโปโลฟาร์มยังจำหน่ายพันธุ์ปลาหมอวัยอนุบาล ซึ่งมีเครือข่ายเกษตรกรอยู่ทั่วประเทศ แต่ตอนนี้ยอดจองพันธุ์ปลาหมอของทางฟาร์มคิวยาวถึงปีหน้า แต่ถ้าเกษตรกรสนใจสามารถมาชมการเพาะเลี้ยงและขอคำปรึกษาได้ที่ฟาร์ม
อย่างไรก็ตาม สำหรับเกษตรกรที่มีความสนใจเพาะเลี้ยงปลาหมอเป็นอาชีพเสริมและอาชีพหลัก นิตยา บอกว่า มีข้อมูลสำคัญที่ต้องเสนอที่ขณะนี้ปลาหมอยังเป็นที่ต้องการของตลาด มีผู้นิยมบริโภคจำนวนมาก รวมถึงการส่งออกไปต่างประเทศในลักษณะเนื้อปลาสด ถือเป็นช่องทางโอกาสสำคัญที่จะสร้างรายได้และเม็ดเงินจากการทำประมงด้วยการ เลี้ยงปลาหมอ อย่างที่ฟาร์มโปโลได้ทำมาตลอดระยะเวลา 10 ปี ขณะที่ประชาชนทั่วไปก็อยากจะเชิญชวนให้ลองมาบริโภคปลาหมอดูบ้าง เพราะสามารถนำมาประกอบอาหารเป็นสารพัดเมนูแสนอร่อยได้มากมาย แบบไม่มีสารตกค้าง เมนูยอดนิยมทั้งปลาจุ่ม ปลาลวกจิ้ม ปลาทอดแดดเดียว และฉู่ฉี่ เป็นต้น
ความสำเร็จของนิตยา กัณฑิศักดิ์ เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาหมอ แม้ว่าวุฒิการศึกษาเพียง ม.6 แต่ด้วยการลองผิดลองถูก ความพยายาม ไม่ย่อท้อแม้จะพบอุปสรรคปัญหามามากมาย ผลสำเร็จที่เกิดขึ้นที่โปโลฟาร์ม ฟาร์มชาวบ้านของเกษตรกรตัวเล็กๆ จึงถือเป็นต้นแบบของเกษตรกรที่ควรเอาอย่าง และพร้อมที่จะตอบแทนสังคมในการมอบโอกาสดีๆ ให้เกษตรกรไทยทั่วประเทศ