ปัจจุบัน การปลูกมะเขือเทศเชอร์รี่ มีหลากหลายรูปแบบ แต่การปลูกที่ได้รับความนิยมคือ การปลูกในระบบโรงเรือนปิด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเห็นปลูกกันมากในพื้นที่ภาคเหนือ แต่จากความ
พยายามปรับปรุงสายพันธุ์มะเขือเทศเชอร์รี่ให้สามารถปลูกได้ในทุกสภาพอากาศของบ้านเราและปลูกได้ตลอดทั้งปี ทำให้มีเกษตรกรหันมาให้ความสนใจปลูกกันเพิ่มมากขึ้น
อย่างโรงเรือนขนาดความสูง ประมาณ 3 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ที่สวนตราดบ้านผัก ตำบลเนินทรายอำเภอเมือง จังหวัดตราด เป็นศูนย์เรียนรู้ต้นแบบอีกแห่งหนึ่งที่นำระบบโรงเรือนมาปลูกพืช โดย
แต่ละเดือนภายในโรงเรือนแห่งนี้จะหมุนเวียนปลูกพืชผักหลากหลายชนิด ซึ่งล่าสุด คุณเมธี ยี่หวา เกษตรกรผู้ที่หันเหตัวเองจากอาชีพมัคคุเทศก์ มาทำการเกษตรท่านนี้ ได้พัฒนานำมะเขือเทศเชอร์รี่มาปลูกในโรงเรือนจำหน่าย โดยใช้รูปแบบของการปลูกผักไฮโดรโปนิกที่มีการควบคุมระบบนํ้า ควบคุมธาตุอาหารและวัสดุปลูกมาใช้คุณเมธี เล่าให้ฟังครับว่า เป็นคนที่ชอบอาชีพเกษตรกรรม จึงได้ศึกษาและเรียนรู้วิธีการปลูกพืช
ผักนานาชนิด ซึ่งมะเขือเทศเชอร์รี่เป็นพืชอีกตัวหนึ่งที่สนใจ เนื่องจากเป็นได้ทั้งผักและผลไม้ที่มีวิตามินสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระ รับประทานผลสดได้ ตลาดมีความต้องการ ที่สำคัญเป็นพืชที่สามารถควบคุมให้ปลูกได้ในสภาพอากาศร้อนและหนาวในเวลาเดียวกัน“เป็นคนที่ชอบรับประทานผัก ซึ่งมะเขือเทศก็เป็นผักที่หาซื้อมารับประทานเป็นประจำ แต่บาง
ช่วงมะเขือเทศเชอร์รี่ที่วางขายอยู่ตามท้องตลาด รสชาติไม่หวาน เนื้อไม่กรอบ และคุณภาพผลผลิตไม่เป็นที่น่าพอใจ จึงศึกษาหาพันธุ์มะเขือเทศเชอร์รี่สายพันธุ์ที่ทนกับสภาพอากาศร้อนมา
ปลูกในโรงเรือนช่วงแรกๆ ก็ปลูกไว้บริโภคเองภายในครอบครัว เหลือเราก็แจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้าน ทำไปทำมาก็
มีคนเข้ามาติดต่อสอบถามขอซื้อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผมมองว่าเป็นพืชผักที่น่าสนใจและราคาดี จึงหันมาปลูกสลับกับผักสลัดภายในโรงเรือน” สำหรับ มะเขือเทศเชอร์รี่ ที่ปลูกอยู่ภายในโรงเรือนแห่งนี้ คุณเมธี บอกครับว่า เป็นสายพันธุ์ที่เจริญเติบโตได้ในสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูงถึง 30 องศาเซลเซียส มีลักษณะผลกลมและผลรีเนื้อแน่น กรอบ รสชาติหวานฉํ่า ให้ผลผลิตดกตลอดทั้งปี โดยที่ไม่ต้องดูแลเรื่องแมลงเหมือนมะเขือเทศสายพันธุ์อื่นๆ“เราค้นหาและทดสอบจนได้สายพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อน และทนต่อโรคและแมลง
ถึงแม้จะปลูกในโรงเรือนที่มีการควบคุมอุณหภูมิ แต่หนอนหรือศัตรูธรรมชาติก็มีหลงเข้ามาบ้างซึ่งตรงนี้เราจะตรวจสอบดูทุกครั้งในช่วงเวลาเช้า หากพบก็จะกำจัดโดยวิธีการทำลายทิ้ง ไม่ให้ระบาด”
ส่วนวิธีการปลูก คุณเมธี บอกว่า จะไม่ปลูกลงดินเหมือนกับพืชผักชนิดอื่นๆ จะใช้ต้นกล้าเพาะอายุประมาณ 7-10 วัน จำนวน 2 ต้น ปลูกลงถุงดำขนาดเล็กก่อน หลังจากนั้น 10 วัน เมื่อต้น
แข็งแรงแล้วจะยกถุงดำที่มีต้นกล้าไปวางในถุงขาวขนาดใหญ่ ภายในโรงเรือนที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก สามารถป้องกันฝนได้ โดยแต่ละถุงจะขึงไว้ประคองต้นให้เลื้อยขึ้นไปด้านบนอีกทีหนึ่งและหลังจากปลูกไปแล้ว การดูแลในแต่ละวัน คุณเมธี บอกครับว่า จะให้ปุ๋ยและนํ้าผ่านระบบนํ้าหยดทุกๆ ชั่วโมง ครั้งละ 5-10 นาที โดยวิธีนี้จะช่วยให้ต้นมะเขือเทศค่อยๆ ดูดซึมนํ้าและธาตุอาหารเข้าไป ช่วยป้องกันผลแตกได้ และหลังจากนั้น ประมาณ 2 เดือน คุณเมธีจะเริ่มทยอยเก็บผลผลิตขาย โดย 1 รุ่น สามารถเก็บผลผลิตได้นานต่อเนื่องกันถึง 8 เดือน หรือถึง 1 ปี
สำหรับใครที่สนใจ สอบถามได้ที่ คุณเมธี ยี่หว่า สวนตราดบ้านผัก ตำบลเนินทรายอำเภอเมือง จังหวัดตราด โทรศัพท์ (086) 149-8299