ด้วยวิธีตัดแต่งเริ่มจากระยะต้นกล้า ตัดต้นให้เตี้ย
ลงขณะลำต้นมีขนาดใกล้เคียงกับแท่งดินสอดำ หรือสูงประมาณ 70-100 เซนติเมตร เหลือ
ความสูงไว้เพียง 25 เซนติเมตร ทาบริเวณรอยแผลด้วยปูนขาว หรือปูนแดงกินหมาก ป้องกัน
การคายนํ้าและโรคศัตรูเข้าทำลาย อีกประมาณ 1 สัปดาห์ ต้นตอจะแตกกิ่งหรือแขนงใหม่ออก
มา 1-2 กิ่ง ดูแลจนครบ อายุ 3 เดือน นำปลูกลงดิน หรือปลูกลงในกระถาง ขนาดเส้นผ่านศูนย์
กลาง 50 เซนติเมตร ได้ กรณีปลูกลงดิน ขุดหลุมกว้าง และลึก 30-50 เซนติเมตร ผสมดินที่ขุด
ขึ้นมาด้วยแกลบดิบ ใบไม้แห้ง หรือกาบมะพร้าวสับอย่างใดอย่างหนึ่ง และปุ๋ยคอกเก่า อัตรา
เท่ากัน คลุกเคล้าจนเข้ากันดี เกลี่ยดินผสมกลับลงหลุม แต่งหน้าหลุมให้นูนเป็นหลังเต่า ปลูก
ต้นกล้าลงกลางหลุม กลบดินพอแน่น ผูกกับหลักไม้ป้องกันต้นล้ม แล้วรดนํ้าตาม ระวังอย่าให้
แฉะ กรณีปลูกลงในกระถาง ใช้ดินผสมสูตรเดียวกับปลูกลงดิน ปลูกต้นกล้าลงกลางกระถาง
กลบพอแน่น ผูกกับหลักไม้ไม่ให้ต้นล้มหรือเอียงเวลาลมพัด หมั่นรดนํ้าและใส่ปุ๋ย สูตร
15-15-15 หรือ 16-16-16 อัตราครึ่งช้อนโต๊ะ เดือนละครั้งก็พอ เมื่อต้นมีอายุมากขึ้นให้ใส่ปุ๋ย
เพิ่มขึ้นเป็น 1 ช้อนโต๊ะ ต่อครั้ง เห็นว่าต้นสูงขึ้นมาก ต้นเริ่มโอนเอน ตัดอีกครั้งให้เหลือความสูง
ไว้เพียง 80-100 เซนติเมตร อย่าลืมทารอยแผลด้วยปูนแดง หรือปูนขาว อีกไม่นานต้นจะแตก
แขนงขึ้นมาใหม่ หากบำรุงให้ดี อีก 3-4 เดือน ต้นมะรุมจะแตกกิ่งออกมาใหม่และเติบโตอย่าง
รวดเร็วพร้อมให้ออกผล รวมเวลาแล้วมีอายุเพียง 7-8 เดือน ก็ให้ผลแล้ว
ท่านที่เคยเดินทางไปประเทศอินเดีย จะพบเห็นต้นมะรุมที่ปลูกไว้สองข้างทาง เหมือน
กับบ้านเรานิยมต้นสะเดา หรือต้นหางนกยูงที่มีสีสันสดใสสวยงาม ตั้งแต่เดือน
กุมภาพันธ์ ไปจนถึงเดือนมีนาคมของทุกปี มะรุมที่อินเดียจะออกดอกบานสะพรั่ง ถ้า
สังเกตให้ดีจะเห็นร่องรอยการตัดแต่งกิ่งและต้น เช่นเดียวกับที่ผมเคยทดลอง แทบจะไม่ต่างกันเลยครับ