นอกจากงานวิจัยแล้ว สถาบันวิจัยเกษตรวิศวกรรม ยังมีหน้าที่ให้การสนับสนุนด้านวิชาการ
แก่ผู้ผลิตในการปรับปรุงคุณภาพ และมาตรฐานการผลิตเครื่องจักรกลเกษตรด้วย
ที่ผ่านมานั้น หน่วยงานแห่งนี้ได้มีผลงานการวิจัย ค้นคว้า เครื่องจักรกลการเกษตรมาอย่าง
ต่อเนื่อง และได้ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อการประกอบอาชีพของเกษตรกร และล่าสุด
สถาบันวิจัยเกษตรวิศวกรรม ได้เปิดตัวผลงานชิ้นใหม่ที่ชื่อว่า “ อุปกรณ์ให้ปุ๋ยทางระบบนํ้า
แบบประหยัด”
คุณนาวี จิระชีวี วิศวกรการเกษตรชำนาญการพิเศษ สถาบันวิจัยเกษตรวิศวกรรม ผู้ประดิษฐ์
อุปกรณ์ให้ปุ๋ยทางระบบนํ้าแบบประหยัด กล่าวถึงที่มาที่ไปของการคินค้นว่า การให้ปุ๋ยใน
ระบบนํ้าเป็นการให้ปุ๋ยที่ละลายนํ้าจ่ายเข้ากับระบบให้นํ้าพืชทั้งแบบนํ้าหยดหรือสปริงเกอร์
เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการใช้ปุ๋ยสูงกว่าการให้ปุ๋ยทางดิน
“ปกติปุ๋ยทางดินจะใส่จำนวนน้อยครั้งและแต่ละครั้งที่ใส่มีปริมาณปุ๋ยมากจึงมีโอกาสสูญเสีย
ปุ๋ยไปกับการชะละลายของนํ้าและถูกดูดยึดโดยดินมากกว่าการให้ปุ๋ยทางระบบนํ้า แต่การ
ให้ปุ๋ยทางระบบนํ้าจำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์ที่จ่ายสารละลายปุ๋ยเข้าระบบให้นํ้า โดยเฉพาะ
ในแปลงเพาะปลูกที่อยู่ไกลจากแหล่งนํ้าหรือสูบนํ้าโดยตรงจากบ่อบาดาลลึกซึ่งไม่สะดวก
ที่จะจ่ายสารละลายปุ๋ยเข้าทางท่อดูดของเครื่องสูบนํ้าได้”
คุณนาวี กล่าวอีกว่า การให้ปุ๋ยทางระบบนํ้ามีข้อจำกัดโดยที่เกษตรกรจำเป็นต้องใช้ปุ๋ยที่
ละลายนํ้าได้ดีซึ่งหาซื้อยากและมีราคาแพง และมีการจัดการที่เหมาะสม เช่น การใช้อัตรา
จ่ายปุ๋ยที่ทำให้ความเข้มข้นของสารละลายปุ๋ยที่จ่ายออกจากระบบนํ้าไปสู่แปลงเพาะปลูก
ไม่สูงมากเกินไป และจ่ายปุ๋ยได้รวดเร็วเสร็จสิ้นการให้ปุ๋ยโดยพอมีเวลาเหลือสำหรับการ
ให้นํ้าเพื่อล้างสารละลายปุ๋ยที่ตกค้างในระบบท่อป้องกันการอุดตันของหัวจ่ายนํ้า
จากจุดเริ่มดังกล่าว สถาบันวิจัยเกษตรวิศวกรรมได้ทำการพัฒนาอุปกรณ์ให้ปุ๋ยในระบบนํ้า
แบบประหยัดและมีอัตราจ่ายปุ๋ยสูง ประกอบด้วย ตัวจ่ายปุ๋ยเข้าระบบนํ้าแบบท่อเวนจูรี่ที่ใช้
หลักการรีดให้นํ้าฉีดผ่านหัวฉีดด้วยความเร็วสูงจนเกิดแรงดันสุญญากาศทำให้สารละลาย
ปุ๋ยไหลเข้ามาผสมกับนํ้าในระบบท่อส่งนํ้า
คุณนาวี อธิบายเพิ่มเติมถึงคุณลักษณะของอุปกรณืดังกล่าวว่า ตัวจ่ายปุ๋ยแบบเวนจูรี่ขนาด
ข้อต่อ 1 นิ้ว เป็นชิ้นส่วนที่ทำจากข้อต่อพลาสติกพีอีและพีวีซี จะต่อคร่อมกับประตูนํ้าของ
ท่อเมนส่งนํ้า ทำการดูดสารละลายปุ๋ยด้วยการหรี่ประตูนํ้าของท่อเมนส่งนํ้า
ทั้งนี้ ตัวจ่ายปุ๋ยดังกล่าวประดิษฐ์จากข้อต่อท่อพลาสติกของระบบนํ้าที่ประกอบขึ้นเองได้
ง่าย มีค่าใช้จ่ายเพียง 200-300 บาท เท่านั้น
การนำไปใช้งานนั้นจะติดตั้งได้ทั้งบริเวณทางท่อส่งนํ้าของเครื่องสูบนํ้าหรือติดตั้งที่ท่อส่ง
นํ้าบริเวณแปลงปลูกพืชที่อยู่ไกลจากเครื่องสูบนํ้าได้
“เมื่อใช้งาน สารละลายปุ๋ยที่ถูกดูดเข้าตัวจ่ายปุ๋ยและจ่ายเข้าท่อเมนส่งนํ้าจะต้องผ่านตัว
กรองนํ้าที่ความละเอียดไม่น้อยกว่า 130 ไมครอน (120 เมช) และมีอัตราการจ่ายปุ๋ยเข้า
ท่อนํ้าสูงสุด 330-460 ลิตรต่อชั่วโมง สำหรับท่อส่งนํ้าในอัตรา 12-16 ลูกบาศก์เมตรต่อ
ชั่วโมง”
นอกจากนี้ การนำไปใช้ประโยชน์ยังสามารถประยุกต์กับการใช้ปุ๋ยเคมีเม็ดที่นำมาละลายนํ้า
ได้โดยใช้ร่วมกับชุดกรองนํ้าและกรองเศษปุ๋ยในนํ้าเพื่อลดปัญหาการอุดตัน ยืดอายุการใช้
งานของหัวจ่ายนํ้าโดยเฉพาะนํ้าหยด รวมทั้งช่วยลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเมื่อเทียบกับการให้
ปุ๋ยทางดิน ใช้ได้กับระบบให้นํ้าทั้งแบบนํ้าหยด ระบบพ่นฝอยและสปริงเกลอร์
สำหรับความเหมาหสมในการนำไปใช้งาน คุณนาวีบอกว่า สามารถใช้งานได้กับขนาดแปลง
เพาะปลูกที่ส่งนํ้าไม่ควรน้อยกว่า 7 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง (7,000 ลิตรต่อชั่วโมง)
สำหรับผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ กลุ่มพัฒนาพื้นที่เกษตร สถาบันวิจัยเกษตร
วิศวกรรม กรมวิชาการเกษตร เลขที่ 50 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร
กรุงเทพฯ โทร. 02-5798519