ผมเป็นชาวสวนสมัครเล่น ปลูกมะม่วงไว้หลายสิบต้น อายุประมาณ 7 ปี เกิดอาการที่บริเวณลำต้นและกิ่งมียางสีน้ำตาลแดงไหลเยิ้มออกมา ไม่ทราบเป็นโรคอะไร และจะรักษาได้ด้วยวิธีใด และอีกอาการหนึ่ง มีแผลที่เปลือกแห้งแตก ยางไหลออกมาตามรอยแตก อาการทั้งสองเกิดจากเชื้อโรคชนิดเดียวกันหรือไม่ หากไม่เหมือนกันจะรักษาอย่างไร

    ลักษณะอาการของโรคที่พบเกิดจากโรค 2 ชนิด ชนิดแรก เรียกว่า โรคยางไหล เกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่ง เชื้อโรคชนิดนี้มักเกิดกับมะม่วงพันธุ์เขียวเสวย อาการของโรคจะเกิดที่บริเวณลำต้นและกิ่ง มียางสีน้ำตาลแดงไหลเยิ้มออกมา แล้วย้อยลงส่วนล่าง เมื่อตัดเนื้อเยื่อนำมาส่องกล้องมักพบสีดำ มีน้ำยางสีขาวครีม อาการดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นหย่อม ๆ ต่อมากิ่งจะแห้งตายและปรากฏเส้นใยเชื้อราขึ้นที่ผิวให้เห็น โรคยางไหลมักระบาดรุนแรงในช่วงอากาศร้อนและขาดน้ำ วิธีป้องกันกำจัด ให้ตัดแต่งกิ่งและทารอยแผลด้วยปูนแดงหรือสีน้ำมันอย่างใดอย่างหนึ่งให้โปร่ง หากเกิดการระบาดรุนแรง แนะนำให้ฉีดพ่นด้วย เบนโนมิล หรือคาร์เบนดาร์ซิม ตามอัตราแนะนำทั่วทั้งต้น หากเกิดแผลที่โคนต้นให้ใช้มีดที่คมสะอาดเฉือนเนื้อไม้ที่เกิดแผลออก แล้วทาด้วยเบนโนมิลเข้มข้น ยางจะหยุดไหลภายใน 3-5 วัน ส่วนแผลจะหายสนิทภายในเวลา 3 เดือน ส่วนอีกอาการหนึ่งที่เล่ามา เรียกว่า โรคเปลือกแตกยางไหล เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งเข้าทำลายโดยติดมาจากตา กิ่ง หรือยอดที่ใช้ติดตา หรือทาบกิ่ง อาการระบาดของโรคที่พบคือเปลือกแตกยางไหล กิ่งและลำต้นมีเปลือกแห้งแตก เมื่อเปิดเปลือกไม้บริเวณเป็นแผลจะพบเนื้อไม้มีรอยแตกและยุบตัวลงเล็กน้อย กิ่งที่เป็นโรค ยอดจะไม่พัฒนา กิ่งเปราะและหักง่าย ต่อมากิ่งจะแห้งตาย โรคชนิดนี้มักเกิดกับมะม่วงพันธุ์พิมเสนมันและแรด การเข้าทำลายจากเชื้อไวรัสนั้นไม่มีทางรักษาได้ วิธีการป้องกันไว้ก่อน ด้วยการคัดเลือกกิ่งพันธุ์ ยอดพันธุ์ หรือตาพันธุ์ที่ไม่มีโรคดังกล่าวแฝงมาด้วย วิธีคัดเลือกง่ายที่สุด แนะนำให้ซื้อจากแหล่งพันธุ์ที่เชื่อถือได้ แล้วโรคเปลือกแตกยางไหลจะไม่เกิดขึ้น