ผมมีปัญหาข้องใจ ขอเรียนถามคุณหมอเกษตร-ทองกวาว ดังนี้ 

1.  ขนุนอายุ 3-4 ปี พันธุ์เหรียญทอง ต้นโตพอสมควร มีวิธีการอย่างไร จะให้ติดผลดี และมีอยู่ 3 ต้น อายุร่วม 20 ปี ติดผลดีแต่มักเน่าเสียหาย จะแก้ไขอย่างไร 
2.  ชมพู่พันธุ์ทูลเกล้า มีประมาณ 40 ต้น อายุ 3 ปี ทำอย่างไร จะให้ติดผลดี 
3.  กระท้อน 15 ต้น ปลูกมาได้ 5-6 ปี ต้นใหญ่ ใบหนาเขียวสมบูรณ์ดีแต่ไม่ติดผล จะแก้ไขอย่างไร 
4.  มะพร้าวน้ำหอม อายุ 5-6 ปี ระยะแรกติดผลดี แต่ระยะหลังไม่ค่อยติดผล จะแก้ไขได้อย่างไร 
5.  ขอคำแนะนำวิธีทำมะม่วงนอกฤดูด้วยครับ

1.  การปลูกขนุนให้ได้ผลดี ติดผลดกนั้น ต้องบำรุงดินให้อุดมสมบูรณ์อยู่เสมอด้วยการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น มูลสัตว์ที่ผ่านการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์มาบ้างแล้ว ต้นที่มีอายุ 3-4 ปี ใช้อัตรา 3-4 ปุ้งกี๋ ต่อต้น ระยะใกล้ติดผลใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 16-16-16 และ 14-14-21 ชนิดละ 1 กิโลกรัม ต่อต้น ในต้นฤดูฝน และก่อนติดผลใส่บริเวณทรงพุ่ม หากฝนไม่ตกควรรดน้ำตามทันที จะช่วยให้ขนุนติดผลดีขึ้น หลังเก็บเกี่ยวผลแล้วควรตัดแต่งกิ่งให้แสงส่องเข้าภายในทรงพุ่มได้ ส่วนต้นที่มีอายุมากให้ตัดแต่งกิ่งจนโปร่ง ให้ลมพัดผ่านและแดดส่องเข้าภายในทรงพุ่มได้ หากบริเวณโคนต้นเป็นที่ลุ่มน้ำขังหลังฝนตกหนัก ให้เซาะดินเป็นร่องระบายน้ำออกจากบริเวณโคนต้น ระยะนี้ให้งดการใส่ปุ๋ยไว้ก่อน ผลที่เบียดอัดกันแน่นให้ตัดสางออกบ้าง ปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้น ขนุนที่ปลูกไว้จะได้ผลดีเป็นปกติ 
2.  ชมพู่ เป็นพืชที่ชอบน้ำ จึงนิยมปลูกกันมากที่จังหวัดนครปฐม ราชบุรี และสมุทรสาคร ชมพู่พันธุ์ทูลเกล้า จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับชมพู่เพชร ทรงผลยาวรีให้ผลเร็ว ออกดอกและติดผลง่าย รสชาติไม่หวานจัด ต้นชมพู่ที่มีอายุ 2 ปี ขึ้นไป ที่ติดผลแล้ว หลังเก็บเกี่ยวผลควรแต่งกิ่งบางส่วนพอโปร่ง ใส่ปุ๋ยคอก อัตรา 1-2 ปุ้งกี๋ ต่อต้น ช่วงก่อนออกดอกใส่ปุ๋ย สูตร 12-24-12 หรือ 8-24-24 อัตรา 300 กรัม ต่อต้น พร้อมรดน้ำตาม หมั่นกำจัดวัชพืชออกจากแปลงนำไปหมัก หรือคลุมโคนต้นก็ได้เช่นกัน เมื่อชมพู่ติดผลให้ปลิดผลออก เหลือเพียง 3-4 ผล ต่อช่อ จะทำให้ขนาดของผลใหญ่ขึ้น น่ารับประทาน เกษตรกรบางรายฉีดพ่นด้วยสารจิบเบอเรลลิน หรือ จีเอ 3 ความเข้มข้น 0.1 เปอร์เซ็นต์ เพื่อช่วยยืดขั้วผลให้ยาวขึ้น ผลจึงไม่เบียดกัน และผลจะยืดยาวขึ้นด้วย ทำให้รูปทรงของผลสวยสมบูรณ์ขายได้ราคา การห่อผลก็สะดวกขึ้นเนื่องจากก้านผลยาว เลือกถุงพลาสติกชนิดขาวขุ่น ขนาด 6x10 นิ้ว หรือขนาดใกล้เคียงกันก็ได้ เจาะรูด้านล่าง 2 รู ป้องกันน้ำฝนขังในถุง วัตถุประสงค์ของการห่อผลคือ ช่วยป้องกันไม่ให้แมลงวันทองเข้าทำลาย ระยะที่ควรห่อผลเมื่อผลอ่อนมีขนาดเท่ากับหัวแม่มือและฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดแมลงวันทองก่อนห่อผลเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นไม่ต้องใช้สารเคมีใด ๆ อีกเลย จากนั้นอีก 45-50 วัน เก็บผลได้ 
3.  กระท้อน ใช้วิธีการบำรุงเช่นเดียวกับขนุนและชมพู่ แต่การห่อผลนิยมใช้กระดาษถุงปูนซีเมนต์ เนื่องจากหนาและเหนียวทนทาน แสงส่องผ่านได้น้อย จึงทำให้สีผิวของผลสวยงาม ขายได้ราคาดี 
4.  มะพร้าวน้ำหอม เนื่องจากเป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก การปลูกบนที่ดอนอาจมีปัญหา ระดับน้ำใต้ดินไม่ควรลึกเกิน 1 เมตร หากลึกเกินระดับน้ำเมื่อไม่มีการให้น้ำ มะพร้าวจะไม่ยอมติดผล วิธีแก้ไข จำเป็นต้องให้น้ำ และใช้ปุ๋ยเช่นเดียวกับขนุนและกระท้อน สวนบางแห่งจะให้น้ำระบบหัวเหวี่ยงแบบมินิสปริงเกลอร์ ทั้งนี้ ต้องคำนวณต้นทุนว่าจะคุ้มกับค่าลงทุนหรือไม่ ถ้าราคาขายผลผลิตในท้องถิ่นได้ราคาดีก็น่าจะพัฒนาระบบน้ำได้ 
5.  การทำมะม่วงให้ออกนอกฤดู สารที่ใช้บังคับมะม่วงให้ออกนอกฤดู ปัจจุบันเกษตรกรใช้สารพาโคลบิวทราโซล ความเข้มข้น 10 เปอร์เซ็นต์ มีทั้งรูปสารละลายและผง สารชนิดนี้จะมีบทบาทในการยับยั้งไม่ให้พืชสร้างฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่จะไปเร่งการเจริญเติบโตของต้นพืช จึงส่งเสริมให้เกิดตาดอกแทน การปฏิบัติการเพื่อบังคับการออกดอก ต้นมะม่วงต้องมีอายุ 4 ปี ขึ้นไป มีความสมบูรณ์แข็งแรงทั้งทางลำต้นและระบบราก กำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นให้หมด ทรงต้นต้องโปร่งลมพัดผ่านและแสงส่องเข้าภายในทรงพุ่มได้ อัตราการใช้สารและวิธีราดสารมีรายละเอียดดังนี้ หลังราดสารแล้ว 2-3 เดือน มะม่วงจะเริ่มออกดอก โดยเฉพาะพันธุ์เบา เช่น น้ำดอกไม้ เจ้าคุณทิพย์ ฟ้าลั่น หนองแซงและศาลายา แต่บางพันธุ์อาจจะยังไม่ออกดอก ต้องกระตุ้นด้วยสารโพแทสเซียมไนเตรต อัตรา 500 กรัม ต่อน้ำ 1 ปี๊บ หรืออาจใช้สารไทโอยูเรีย อัตรา 100 กรัม ต่อน้ำ 1 ปี๊บ ฉีดพ่นที่ใบให้ทั่วทรงพุ่ม อีกสองสัปดาห์ดอกจะออกพร้อมกันทั้งต้น หากต้องการบังคับให้มะม่วงให้ผลผลิตในช่วงปีใหม่ปลายเดือนธันวาคม จะได้ราคาดี