ปัจจุบันการเลี้ยงกุ้งทะเลในหลายพื้นที่ตามชายฝั่งทะเลไทย อาทิ จ.สุราษฎร์ธานี, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, สงขลา, ปัตตานี, สตูล, กระบี่, ตรัง, พังงา, ฉะเชิงเทรา, ระยองและจันทบุรี เป็นต้น ประสบปัญหาในเรื่องของสภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม เกิดโรคระบาดและผลผลิตตกต่ำ ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหลายรายจำเป็นจะต้องเปลี่ยนอาชีพจากการเลี้ยงกุ้งมาเลี้ยงปลาน้ำกร่อยแทน และหนึ่งในนั้นคือ ปลากะรังหงส์ ซึ่งสามารถนำไปเลี้ยงในกระชังที่เป็นบ่อกุ้งร้างได้
หลายคนยังไม่ทราบว่าปลากะรังหงส์ จัดเป็นปลาที่มีเนื้อสีขาวและรสชาติดีและเป็นปลาที่จับหาได้ยากในธรรมชาติในอดีตราคาซื้อ-ขายปลาชนิดนี้ที่จับได้จากธรรมชาติมีราคาสูงถึงตัวละ 2,400-2,800 บาท มาถึงปัจจุบันเมื่อเริ่มมีเกษตรกรเพาะเลี้ยงได้ ราคาในปีพ.ศ. 2551 ที่ผ่านมามีราคาประมาณกิโลกรัมละ 900-1,600 บาท จัดเป็นปลาทะเลที่น่าเลี้ยงอีกชนิดหนึ่ง
จากประสบการณ์และการศึกษาวิจัยของ ดร.เรณู ยาชิโร และนักวิชาการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งระยอง ได้ทำการเพาะและอนุบาลลูกปลากะรังหงส์จนประสบผลสำเร็จ เกษตรกร นำไปใช้เป็นแนวทางการเพาะและอนุบาลลูกปลากะรังหงส์เลี้ยงในเชิงพาณิชย์ต่อไป ดร.เรณูได้เตรียมพ่อพันธุ์จากปลาที่เลี้ยงในกระชังจนถึงวัยเจริญพันธุ์แล้วคือมีอายุประมาณ 2 ปี มีน้ำ หนักตัวไม่ต่ำกว่า 1.5 กิโลกรัม ซึ่งปลาส่วนใหญ่จะเป็นปลาเพศเมีย ดังนั้นในการเพาะพันธุ์ปลาในระยะนี้จะต้องทำการเปลี่ยนเพศปลาบางส่วนจากเพศเมียเป็นเพศผู้โดยใช้ฮอร์โมนซึ่งเป็นสเตอรอยด์เพศชายที่ถูกสังเคราะห์ขึ้น คือ เมทธิลเทสเตอโรน
สำหรับการเตรียมแม่พันธุ์ ควรจะคัดเลือกปลากะรังหงส์ขนาดน้ำหนัก 2.6-3 กิโลกรัม นำมาแยกเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ และให้อาหารเป็นปลาข้างเหลืองสดวันเว้นวันสลับกับปลาหมึกสดหรือหอยแมลงภู่สด ปลากะรังหงส์จะวางไข่ผสมพันธุ์ระหว่างเดือนสิงหาคม-เดือนมีนาคม (ถ้ามีการบำรุงพ่อ-แม่พันธุ์สมบูรณ์ดีอาจจะวางไข่ได้ตลอดปี) ก่อนถึงฤดูวางไข่อย่างน้อย 2-3 เดือน จะต้องเคลื่อนย้ายพ่อ-แม่พันธุ์ปลาที่เตรียมไว้ปล่อยลงบ่อซีเมนต์เพื่อให้วางไข่และผสมพันธุ์ อัตราส่วนเพศผู้ : เพศเมีย 1 : 1
ในสภาพความเป็นจริงการเพาะพันธุ์ปลากะรังหงส์สามารถทำได้ 3 วิธีคือ การเพาะพันธุ์โดยให้วางไข่เองตามธรรมชาติ, การฉีดฮอร์โมนกระตุ้นและวิธีการผสมเทียม การเพาะพันธุ์โดยให้วางไข่เองตามธรรมชาติเป็นวิธีดีที่สุดเพราะพ่อ-แม่พันธุ์ปลาจะไม่ช้ำ ไม่เสี่ยงต่อการสูญเสียพ่อ-แม่พันธุ์เนื่องจากการจับฉีดฮอร์โมนหรือรีดน้ำเชื้อและไข่ปลาการผสมเทียม ทั้งยังให้ลูกปลาแข็งแรง อนุบาลง่ายและอัตรารอดสูง
ปลาจะวางไข่อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณ 10-15 วันทำให้กลายเป็นข้อเสีย เนื่องจากการจัดการอนุบาลลูกปลาวัยอ่อนทำได้ไม่สะดวก เนื่องจากบางครั้งปลาวางไข่มาก ดังนั้นการฉีดฮอร์โมนกระตุ้นให้ปลาวางไข่และปล่อยน้ำเชื้อพร้อมกันจะจัดการเรื่องอนุบาลปลาง่ายกว่า.
ทวีศักดิ์
|