ด้วยในวันที่ ๒๐ – ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๖ ทางสหภาพยุโรปได้ออกประกาศกฎระเบียบ ๒ ฉบับ อันเกี่ยวข้องกับการอนุญาตวัตถุเจือปนอาหารสำหรับใช้ในอาหารเด็กทารกและเด็กเล็ก ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
๑. กฎระเบียบ Commission Regulation (EU) No 244/2013 of 19 March 2013 amending Annex III to Regulation (EC) No 1333/2008 of the European Parliament and of the Council as regards the use of Tricalcium phosphate (E 341 (iii)) in nutrient preparations intended for use in foods for infants and young children ใน EU Official Journal L 77 Volume 3 ว่าด้วยการ แก้ไขบัญชีรายชื่อวัตถุเจือปนอาหาร (food additives) ที่มีบทบาทหน้าที่เชิงเทคนิค (technical function) โดยอนุญาตการใช้สาร Tricalcium phosphate (E 341 (iii)) ซึ่งเป็นสารกันการรวมตัวเป็นก้อน (anti-caking agent) ให้สามารถใช้ในอาหารเด็กทารกและเด็กเล็กได้ หากแต่จะต้องระวังมิให้ระดับของสารแคลเซียม และสารฟอสฟอรัส รวมถึงอัตราส่วนระหว่างสาร ๒ รายการนี้ไม่เกินกว่าค่าที่กำหนดไว้ในกฎระเบียบ Directive 2006/141/EC ด้วย รายละเอียดตามปรากฎในภาคผนวก (Annex) ของกฎระเบียบใหม่นี้
- สำหรับรายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าวนี้สามารถศึกษาเพิ่มเติม ได้จากเว็บไซด์ดังต่อไปนี้
http://eur-lex.europa.eu/LexUriServ/LexUriServ.do?uri=OJ:L:2013:077:0003:0004:EN:PDF
– ทั้งนี้ กฎระเบียบดังกล่าว จะมีผลตามกฎหมาย ๒๐ วันภายหลังจากที่มีการประกาศกฎ ระเบียบดังกล่าวใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๖)
๒. กฎระเบียบ Commission Regulation (EU) No 256/2013 of 20 March 2013 amending Annex III to Regulation (EC) No 1333/2008 of the European Parliament and of the Council as regards the use of Sodium ascorbate (E 301) in vitamin D preparations intended for use in foods for infants and young children ใน EU Official Journal L 79 Volume 24 ว่าด้วยการ แก้ไขบัญชีรายชื่อวัตถุเจือปนอาหาร (food additives) ที่มีบทบาทหน้าที่เชิงเทคนิค (technical function) โดยอนุญาตการใช้สาร Sodium ascorbate (E 301) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ในการเตรียม วิตามิน ดี เพื่อใช้ในอาหารเด็กทารกและเด็กเล็กได้ รายละเอียดตามปรากฎในภาคผนวก (Annex) ของกฎ ระเบียบใหม่นี้
– สำหรับรายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าวนี้สามารถศึกษาเพิ่มเติม ได้จากเว็บไซด์ดังต่อไปนี้
http://eur-lex.europa.eu/LexUriServ/LexUriServ.do?uri=OJ:L:2013:079:0024:0026:EN:PDF
– ทั้งนี้ กฎระเบียบดังกล่าว จะมีผลตามกฎหมาย ๒๐ วันภายหลังจากที่มีการประกาศกฎ ระเบียบดังกล่าวใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๖) ... |