Commission Regulation (EU) No 923/2014 of 25 August 2014 amending Annexes II to Regulation (EC) No 1333/2008 of the European Parliament and of the Council as regards the use of aluminium lakes of riboflavins (E101) and cochineal, carminic acid, carmines (E120) in certain food categories and Annex to Regulation (EU) No 231/2012 as regards the specifications for riboflavins (E101) ใน EU Official Journal L 252/11 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
๑. กฎระเบียบที่ออกใหม่นี้เป็นการแก้ไข Annex II ใน Regulation (EC) No 1333/2008 และ Annex ใน Regulation (EC) No 231/2012 ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อวัตถุเจือปนอาหาร (Union list) ที่สหภาพยุโรปอนุญาต ให้ใช้ในการผลิตอาหาร
๒. หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหาร ประจำสหภาพยุโรป (European Food Safety Authority : EFSA) ได้เคยประเมินผลความปลอดภัยในการใช้อลูมิเนียม (aluminuium) และได้กำหนดค่าที่ร่างกายสามารถรับได้ ต่อสัปดาห์โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ (Tolerable Weekly Intake : TWI) ไว้ที่ระดับ ๑ มิลลิกรัม/กิโลกรัม ของน้ำหนักตัว แต่ในความเป็นจริงผู้บริโภคใน EU (โดยเฉพาะเด็ก) มีโอกาสได้รับอลูมิเนียมเกินกว่าค่า TWI ที่กำหนด หากมีการใช้สารดังกล่าวในอาหารหลายประเภท ดังนั้น EFSA จึงเห็นควรให้มีการกำหนดเงื่อนไขการใช้และปริมาณอลูมิเนียมที่ผสมอยู่ในวัตถุเจือปนอาหารขึ้นใหม่ให้ครอบคลุมวัตถุเจือปนอาหารที่มีส่วนผสมของอลูมิเนียมและอลูมิเนียมเลค (aluminium lakes) ด้วย
๓. แต่เดิม Regulation (EU) 380/2012 อนุญาตให้ใช้อลูมิเนียมเลคที่ผลิตจากสี (colour) ตามที่ระบุใน Table 1 Annex II Part B ของ Regulation 1333/2008 ได้ไปจนถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยระบุว่า ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไปจะอนุญาตให้ใช้แต่อลูมิเนียมเลคที่ผลิตจากสีที่ระบุใน Table 3 Annex II Part A ของ Regulation 1333/2008 เท่านั้น โดยการใช้จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของประเภทสินค้าอาหารที่ได้รับอนุญาตและใช้ตามปริมาณที่กำหนดไว้ใน Part E ของกฎระเบียบดังกล่าว
๔. ในปี ๒๕๕๖ EFSA ได้รับคำร้องจากภาคเอกชนเพื่อขอใช้ aluminium lakes of riboflavins (E101) และขอขยายการใช้งาน aluminium lakes of cochimeal, carminic acid, carmines (E120) เนื่องจาก สีผสมอาหารที่ทำจาก aluminium lakes of colours ไม่สามารถละลายน้ำได้ (insoluble) และมีคุณสมบัติ ที่ต่างจากสีย้อมชนิดเดียวกันที่อยู่ในรูปแบบอื่น เช่น ช่วยให้ความอ่อนของโทนสี ค่า pH และความร้อนมีความคงที่มากขึ้น ช่วยให้สีคงทน และให้เฉดสีที่ต่างกัน ทำให้การใช้สีย้อมในรูปของ lakes เหมาะสมกับการใช้งานที่มีการใช้เทคนิคพิเศษ
การอนุญาตให้ใช้ aluminium lakes of riboflavins จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง นอกเหนือไป จากการใช้ aluminium lakes ของสีเหลืองอื่นที่อนุญาตให้ใช้ในอาหารได้อยู่แล้ว
๕. อย่างไรก็ดี ปริมาณที่ผู้ประกอบการขอใช้ aluminium lakes of cochimeal, carminic acid, carmines อยู่ในระดับที่ต่ำ และการขอขยายการใช้งาน (extension of use) ครอบคลุมแต่สินค้าเฉพาะกลุ่ม (niche products) หรือสินค้าอาหารที่ไม่ใช่สำหรับให้เด็กบริโภค
๖. ในการนี้ EU จึงอนุญาตให้ใช้วัตถุเจือปนอาหารที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
- อนุญาตให้ aluminium lakes of riboflavins หรือวัตถุเจือปนหลายเลข “E101” บรรจุอยู่ในบัญชีรายชื่อเจือปนอาหารที่ได้รับการอนุญาต ใน Part A Table 3 Annex II ของ Regulation (EC) No 1333/2008
- อนุญาตให้ใช้ cochineal, carminic acid และ carmines หรือวัตถุเจือปนหมายเลข “E120” ในการผลิตเนยแข็งชนิด red marbled cheese โดยกำหนดค่าอนุโลมตกค้างสูงสุดของอลูมิเนียมที่ระดับ ๓.๒ มิลลิกรัม/กิโลกรัม (มีผลปรับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖) และห้ามใช้อลูมิเนียมเลคตัวอื่นร่วมด้วย
- อนุญาตให้ใช้ cochineal, carminic acid และ carmines หรือวัตถุเจือปนหมายเลข “E120” ในการผลิตไส้กรอกที่รับประทานเป็นอาหารเช้าที่มีส่วนผสมของธัญพืช ๖% และเนื้อแฮมเบอร์เกอร์ที่มีส่วนผสมของผัก และ/หรือธัญพืชไม่ต่ำกว่า ๔% รวมถึงไส้กรอกชนิดต่างๆ อาทิ merguez, salsicha fresca, mici, butifarra fresca, longaniza fresca, chorizo fresco, cevapcici และ pljeskavice โดยกำหนดค่าอนุโลมตกค้างสูงสุดของ อลูมิเนียม ที่ระดับ ๑.๕ มิลลิกรัม/กิโลกรัม (มีผลปรับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖)
- อนุญาตให้ใช้ cochineal, carminic acid และ carmines ในซูริมิหรือสินค้าอื่นในทำนองเดียวกัน และส่วนประกอบที่ใช้แทนเนื้อปลาซัลมอน (salmon substitutes) โดยกำหนดค่าอนุโลมตกค้างสูงสุดของ อลูมิเนียม ที่ระดับ ๔ มิลลิกรัม/กิโลกรัม ในซูริมิ และที่ระดับ ๕.๕ มิลลิกรัม/กิโลกรัม ในส่วนประกอบที่ใช้แทนเนื้อปลาซัลมอน (มีผลปรับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖)
- อนุญาตให้ใช้ cochineal, carminic acid และ carmines ใน fish paste และ crustacean paste โดยกำหนดค่าอนุโลมตกค้างสูงสุดของอลูมิเนียมที่ระดับ ๒ มิลลิกรัม/กิโลกรัม (มีผลปรับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖)
- อนุญาตให้ใช้ cochineal, carminic acid และ carmines ในไข่ปลา (fish roe) ยกเว้นไข่ปลาสเตอร์เจน (ไข่คาเวียร์) โดยกำหนดค่าอนุโลมตกค้างสูงสุดของอลูมิเนียมที่ระดับ ๓ มิลลิกรัม/กิโลกรัม หากไข่ปลา ผ่านกระบวนการผ่านความร้อนแบบพาสเจอร์ไรเซอร์แล้ว ให้กำหนดอยู่ที่ระดับ ๕๐ มิลลิกรัม/กิโลกรัม และห้ามใช้ อลูมิเนียมเลคตัวอื่นร่วมด้วย (มีผลปรับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖)
- อนุญาตให้ใช้ cochineal, carminic acid และ carmines ในเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (spirit drinks) ยกเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ตามมาตรา ๕(๑) และตามชื่อทางการค้าที่ระบุใน Annex II paragraphs 1-14 ของ Regulation (EC) No 110/2008 รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ขึ้ินต้นด้วยชื่อผลไม้และผลิตจากการสกัดโดย วิธีหมักให้เปื่อยและการกลั่น, Geist, London Gin, Sambuca, Maraschino, Marrasquino, Maraskino และ Mistra โดยกำหนดค่าอนุโลมตกค้างสูงสุดของอลูมิเนียมที่ระดับ ๑.๕ มิลลิกรัม/กิโลกรัม และห้ามใช้อลูมิเนียม เลคตัวอื่นร่วมด้วย (มีผลปรับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖)
- อนุญาตให้ใช้ cochineal, carminic acid และ carmines ในเครื่องดื่ม bitter soda โดยกำหนดค่าอนุโลมตกค้างสูงสุดของอลูมิเนียมที่ระดับ ๑.๕ มิลลิกรัม/กิโลกรัม และห้ามใช้อลูมิเนียมเลคตัวอื่นร่วมด้วย (มีผลปรับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖)
- อนุญาตให้ใช้ cochineal, carminic acid และ carmines ในเครื่องดื่มประเภท aromatised wine-product cocktails โดยกำหนดค่าอนุโลมตกค้างสูงสุดของอลูมิเนียมที่ระดับ ๑.๕ มิลลิกรัม/กิโลกรัม และ ห้ามใช้อลูมิเนียมเลคตัวอื่นร่วมด้วย (มีผลปรับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖)
- อนุญาตให้ใช้ cochineal, carminic acid และ carmines ในเครื่องดื่มอื่นๆ ที่มีทั้งส่วนผสมของแอลกอฮอล์และที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่น้อยกว่า ๑๕% โดยกำหนดค่าอนุโลม ตกค้างสูงสุดของอลูมิเนียมที่ระดับ ๑.๕ มิลลิกรัม/กิโลกรัม และห้ามใช้อลูมิเนียมเลคตัวอื่นร่วมด้วย (มีผลปรับใช้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖)
๗. กฎระเบียบดังกล่าวจะมีผลตามกฎหมาย ๒๐ วันหลังวันที่มีการประกาศลงใน EU Official Journal แล้วเป็นต้นไป (ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗) สำหรับรายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าวนี้สามารถ ศึกษาเพิ่มเติมได้จากเวปไซต์ดังต่อไปนี้
http://eur-lex.europa.eu/legal-content/EN/TXT/PDF/?uri=CELEX:32014R0923&from=EN ... |