๑. กฎระเบียบใหม่นี้เป็นการแก้ไข Annex II ใน Regulation (EC) No ๑๓๓๓/๒๐๐๘ ซึ่งเป็นบัญชี รายชื่อวัตถุเจือปนอาหาร (food additives) ที่สหภาพยุโรปอนุญาตให้ใช้ในอาหาร การแก้ไขในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก การที่มีผู้ประกอบการใน EU ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๗ ขออนุญาตใช้สารให้ความหวาน ๓ ตัว คือ สาร Aspartame (E ๙๕๑) สาร Neotame (E ๙๖๑) และ Salt of aspartame-acesulfame (E ๙๖๒) ในกระบวนการผลิตสินค้ากลุ่มย่อย ๐๔.๒.๕.๓ ซึ่งเป็นสินค้าที่ทำจากผลไม้หรือผัก เพื่อใช้ทาขนมปัง มีลักษณะคล้าย แยมผลไม้ แยมผัก (แยม เจลลี่ และมาร์มาเลด) มีค่าพลังงานต่ำ (energy-reduced) หรือไม่มีน้ำตาลเจือปน (no added sugar)

๒. ปัจจุบัน EU อนุญาตให้ใช้สารเพิ่มความหวานทั้ง ๓ รายการในอาหารกลุ่ม ๐๔.๒.๕.๓ แยมผลไม้และผักได้อยู่แล้ว เพราะเป็นสารให้ความหวานที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ มักนำมาใช้ทดแทนน้ำตาลที่ให้ ความหวานมากและมีแคลอรี่สูง

 ๓. ในการนี้ EU จึงเห็นควรเพิ่มเติมการอนุญาตให้ใช้สาร Aspartame (E ๙๕๑) สาร Neotame (E ๙๖๑) และ Salt of aspartame-acesulfame (E ๙๖๒) ในสินค้ากลุ่มที่คล้ายคลึงกับแยมผลไม้หรือแยมผัก ที่ทำจากผลไม้ ผัก หรือผลไม้แห้ง ที่มีค่าพลังงานต่ำหรือไม่มีน้ำตาลเจือปนได้ โดยหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหาร ประจำสหภาพยุโรป (European Food Safety Authority : EFSA) ไม่ต้องประเมินความปลอดภัยในการใช้สารเพ่ิม ความหวานทั้ง ๓ รายการอีกในครั้งนี้ เนื่องจากสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าที่บริโภคแทนแยมทั่วไป ดังนั้น ผู้บริโภคจึง จะไม่ได้รับสารเพิ่มความหวานเกินกว่าที่จำเป็น (รายละเอียดตามปรากฎในภาคผนวก) .  .  .