เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช เสนอยกเลิก-จำกัดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีอันตรายร้ายแรง 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต, ไกลโฟเสท และ คลอร์โพริฟอส ด้านนักวิชาการกรมควบคุมมลพิษ ชี้ปีหน้า เวทีโลกกำลังพิจารณา พาราควอต ว่าจะอยู่ในอนุสัญญารอตเตอร์ดัมหรือไม่ วันที่ 8 พฤศจิกายน เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-PAN) จัดการประชุมวิชาการเพื่อเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ปี 2559 ณ ศูนย์ประชุม สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ กรุงเทพฯ ภายในงานมีเวทีเสวนา ข้อเสนอยกเลิกและกำจัดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีอันตรายร้ายแรง 3 ชนิด ได้แก่ ยกเลิก พาราควอต จำกัดการใช้ ไกลโฟเสท พื้นที่ต้นน้ำและพื้นที่สาธารณะโดยทันที และจำกัดการใช้ คลอร์โพริฟอสในพืชอาหารทุกประเภท ผศ.ดร.นพ.ปัตพงศ์ เกษสมบูรณ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และประธานคณะทำงานศึกษาสารเคมีกำจัดศัตรพืช กล่าวถึง ข้อเสนอยกเลิกและจำกัดการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีอันตรายร้ายแรงนั้น มีการหยิบขึ้นมาพูดคุยนานหลายปีแล้ว ซึ่งก็คืบหน้าไปหลายเรื่อง โดยการขับเคลื่อนงานที่ผ่านมา ไม่ได้ห่วงใยเฉพาะสุขภาพของผู้ใหญ่เท่านั้น แต่เราทำเพื่อคนรุ่นต่อไปด้วย ปีนี้ สิ่งที่เราให้ความสำคัญ คือ สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีการใช้อยู่จำนวนมาก มีผลกระทบต่อสุขภาพมาก 3 ชนิด คือ ไกลโฟเสท พาราควอต คลอร์โพริฟอส เราพบว่า มีทั้งนำเข้ามาก ใช้มาก และสร้างผลกระทบสูง หมายความว่า เราต้องถกกันแล้วว่า สังคมไทยต้องจัดการสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจังเสียที ประธานคณะทำงานศึกษาสารเคมีกำจัดศัตรูพืช กล่าวถึงสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีผลกระทบต่อเด็ก ซึ่งชี้ว่า เราควรทุ่มเทพลังให้ความสนใจควบคุมการใช้สารเคมีเหล่านี้อย่างจริงจัง "ปัญหาที่เกิดกับเด็กมีหลากหลายรูปแบบมาก มีผลต่อพัฒนาการของเด็ก สติปัญญาของเด็ก และความพิการแต่กำเนิด ในประเทศไทย มีสถิติรายงานว่า เด็กไทย 100 คนเกิดมา พบมีความพิการถึง 8 คน หรือ 8% ขณะที่สหภาพยุโรป เด็ก 100 คนเกิดมา พบมีความพิการ 2 คน หรือ 2% ผศ.ดร.นพ.ปัตพงศ์ กล่าว และเชื่อว่า หากเก็บสถิติดีๆ ทั้งไทยและยุโรป ตัวเลขจะพบมากกว่านี้แน่นอน และอาจมีความพิการมากมายของเด็กที่เราอาจนึกไม่ถึง เช่น รูท่อปัสสวะอุดตัน ออทิสติกที่มีมากขึ้น ซึ่งการศึกษาของต่างประเทศ ระบุด้วยว่า หากปล่อยไปแบบนี้ เด็ก 1 ใน 2 คนที่เกิดมา จะเป็นออทิสติก ผศ.ดร.นพ.ปัตพงศ์ กล่าวถึงความพิการแต่กำเนิดมีให้เห็นมากมาย สาเหตุหนีไม่พ้นสารเคมี อีกทั้งมีงานวิจัยที่รวมรวบและถูกตีพิมพ์ไว้ในระดับนานาชาติก็สามารถยืนยันได้ เมืองไทยกับการใช้สารเคมี เมื่อเจาะเลือดจากสายสะดือเด็ก พบเจอสารเคมีในเด็กยังไม่ทันได้กินนมแม่เลย ทั้งสารเคมีก่อมะเร็ง สารเคมีกระทบต่อระบบประสาท ต่อมไร้ท่อ ทำให้พิการแต่กำเนิด ในสหรัฐฯ พบความพิการรูท่อปัสสวะชนิดนี้ถึง 200% แม้เราอาจได้ยินว่า ไวรัสซิก้าทำให้เด็กสมองเล็ก ผมว่า ไม่จริง เป็นปัจจัยเล็กๆ ปัจจัยใหญ่คือสารเคมี ประธานคณะทำงานศึกษาสารเคมีกำจัดศูตรพืช กล่าวด้วยว่า องค์การอนามัยโลก รายงานในเว็บไซต์ สาเหตุเด็กสมองเล็ก มีหลายปัจจัยไม่ใช่เฉพาะไวรัสซิก้า ไฮไลท์คือสารเคมี นอกจากนี้สารเคมียังทำให้เกิดการเป็นหมัน ช่วงหลังเราจึงเห็นเด็กเกิดใหม่น้อยลง และมีเกิดมามีสภาพไม่สมบูรณ์ ทั้งนี้ ผศ.ดร.นพ.ปัตพงศ์ กล่าวถึงผลสำรวจไอคิวเด็กไทยปี 2559 พบว่า เด็กประถมมีไอคิวต่ำกว่าปกติ ถึง 35 จังหวัด หรือคิดเป็น 45% ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของแคนนา ที่พบว่า เด็กไอคิวลด 5 คะแนน จะมีผลทำให้สังคมสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าสูงถึงปีละ 3 หมื่นล้านเหรียญแคนาดา ฉะนั้นผลกระทบของสารเคมี ซึมลึก กว้างไกล และยาวนาน ทั้งนี้ยังมีงานวิจัยของนอร์เวย์ มีการวิจัยและติดตามหญิงตั้งครรภ์กว่า 3 หมื่นคน พบว่า หญิงตั้งครรภ์ที่บริโภคอาหารออร์แกนิก อาหารปลอดสาร ลูกเกิดมาพิการด้วยภาวะรูท่องปัสสวะเปิดต่ำ (Hypospadias) น้อยกว่า หญิงตั้งครรภ์อีกกลุ่มหนึ่ง หรือเท่ากับ 2.3 เท่า ขณะที่ นายศรัณย์ วัธนธาดา กรมวิชาการเกษตรกล่าวถึงสารเคมี 3 ประเภทพาราควอต ไกลโฟเสท (สารเคมีกำจัดวัชพืช) และคลอร์โพริฟอส (ยาฆ่าแมลง) เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ผู้นำเข้าหรือผู้ผลิตต้องมาขอขึ้นทะเบียน จะขายหรือส่งออกต้องขออนุญาต การขึ้นทะเบียน กรมวิชาการจะดูประสิทธิภาพการใช้ ดูเรื่องความปลอดภัย ความเป็นพิษเฉียบพลัน ทางปาก ผิวหนัง และพิษระยะยาว พิษกับสิ่งแวดล้อม ข้อมูลทั้งหมดจะประกอบการขึ้นทะเบียน ก่อนออกฉลาก นายศรัณย์ กล่าวอีกว่า ปีๆหนึ่งมีปริมาณการนำเข้าวัตถุอันตราย 1.5 แสนตัน หรือ 150 ล้านลิตร มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท แต่รู้หรือไม่ "ไกลโฟเสท" มีการนำเข้าถึง 6 หมื่นตันหรือ 60 ล้านลิตร "พาราควอต" 3 หมื่นต้น หรือ 30 ล้านลิตร และ "คลอร์โพริฟอส" 2 พันต้น หรือ 2 ล้านลิตร ซึ่งรวมแล้วเกินครึ่งของการนำเข้าวัตถุอันตรายทั้งหมด การใช้สารไกลโฟเสท ฉีดไปสีเขียวตายหมด และดูซึมเข้าไปในต้นไม้ ส่วนพาราควอต อยู่ที่ผิว ไม่ดูดซึมไปที่ต้นไม้ และพบว่า ไกลโฟเสท พาราควอต ส่วนใหญ่ใช้ในสวนปาล์มน้ำมัน ยางพารา ยูคาลิปตัส ส่วนคลอร์โพริฟอส ใช้กำจัดแมลง หนอน ผีเสื้อ สำหรับข้อเรียกร้องให้จำกัดการใช้คลอร์โพริฟอส ในพืชอาหารทุกประเภทนั้น นายศรัณย์ กล่าวว่า มีขึ้นทะเบียนใช้กับพืชอาหาร ในพริก และมะเขือเทศ ใช้ก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ 7 วัน ซึ่งกรมวิชาการเกษตรมีหลักเกณฑ์การจำกัดการใช้และห้ามใช้ หากพบว่า มีค่าความเป็นพิษสูง หรือมีสารตกค้าง ซึ่งจะนำไปประกอบการพิจารณาห้ามใช้และจำกัดการใช้ต่อไป ส่วนนายมโนรัตน์ ฤทธิ์เต็ม กรมควบคุมมลพิษ กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างประเทศ อนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ จะมีคณะทำงานพิจารณาสารเคมีที่มีใช้ในโลก ทางด้านการเกษตรชนิดใดอันตรายร้ายแรง รัฐภาคีจะมาพิจารณาร่วมกัน หากพบมาสารเคมีใดมีปัญหาจะนำสู่รัฐภาคี ที่มีการประชุมทุกๆ 2 ปี โดยเฉพาะ พาราควอต หรือกรัมม๊อกโซน มีการนำเข้าพิจารณาในระดับเวทีโลกตั้งแต่ปี 2510 เนื่องจากประเทศบูร์กินาฟาโซ มีปัญหาเรื่องของการใช้ มีผลต่อสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อม จึงเสนอพาราควอต เป็นสารเคมีอยู่ภายใต้อนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ คือการที่ประเทศใดส่งสารเคมีไปประเทศนั้น ต้องได้รับการยินยอมหรือตอบรับ ซึ่งประเทศบูร์กินาฟาโซมีการเสนอแล้ว แต่รัฐภาคีอนุสัญญาฯ ยังไม่เห็นชอบ โดยประเทศที่คัดค้านเช่น อินเดีย อินโดนีเซีย และแอฟริกา เนื่องจากยังมีการใช้ประโยชน์อยู่ รวมถึงประเทศไทย ลาว กัมพูชาด้วย นายมโนรัตน์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยในฐานะรัฐภาคีจะต้องตื่นตัวรับรู้ ทุกหน่วยงานต้องสร้างความตระหนักและให้ความรู้แก่เกษตรกร เวทีโลกเป็นฉากหนึ่งที่ประเทศไทยต้องเข้าไปมีส่วนร่วม อีกทั้งบางประเทศระมัดระวังการใช้สารเคมี ฉะนั้นไทยต้องให้ความสำคัญได้แล้ว สารเคมีทางการเกษตรในบ้านเรามีการกำหนดมาตรฐานสิ่งแวดล้อมไว้บ้าง แต่ยังไม่ครอบคลุม สารเคมีกลุ่มใหม่ๆ ซึ่งกำลังทบทวนข้อมูล กำหนดมาตรฐาน โดยเฉพาะคลอร์โพริฟอส สารเคมีที่มีปัญหาความเป็นพิษเป็นภัย นายมโนรัตน์ กล่าวด้วยว่า ปี 2560 เวทีโลกกำลังพิจารณา พาราควอตว่าจะอยู่ในอนุสัญญารอตเตอร์ดัมหรือไม่ ปีหน้าสารเคมีตัวนี้จะเข้าอีกครั้งหลังจากไม่ผ่านการพิจารณาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว isranews 9 พ.ย.59
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม
This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทรศัพท์ : 0 2201 7252-6 โทรสาร : 0 2201 7251,65 e-mail : info@dss.go.th
Wednesday March 18, 2020 7:31 PM 8:49 PM หน่วยงานนี้ทำข้อมูลโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการศึกษาค้นคว้าเท่านั้น มิใช่เพื่อการแสวงหาผลกำไร