อึ้ง ตรวจพบสารอันตรายใน “รูบิก” และของเล่นเด็กจากพลาสติกรีไซเคิล ชี้เป็นพิษต่อสมอง-ไอคิว เร่งผลักดันทั่วโลกห้ามใช้ เมื่อวันที่ 19 เม.ย. นายอัครพล ตีบไธสง นักวิชาการมูลนิธิบูรณะนิเวศ เปิดเผยว่า เครือข่ายระหว่างประเทศว่าด้วยการกำจัดสารพิษตกค้างยาวนานในสิ่งแวดล้อม (IPEN) สมาคมอาร์นิก้า (Arnika) ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนของสาธารณรัฐเช็ก ได้ร่วมกับองค์กรอื่นๆ ใน 26 ประเทศ รวมถึงมูลนิธิบูรณะนิเวศ ในประเทศไทย ทำการสำรวจตัวอย่างของเล่นและผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ประกอบด้วยลูกบิดรูบิก 95 ตัวอย่าง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีก 16 ตัวอย่าง ได้แก่ แก้วใส่น้ำร้อน กิ๊บหนีบผม หวี ที่คาดผม และของเล่นเด็กอื่นๆ เพื่อตรวจหาการเจือปนของสารที่เป็นส่วนผสมของสารหน่วงการติดไฟชนิดที่มีองค์ประกอบของโบรมีน ซึ่งเป็นอันตราย สามารถทำลายระบบประสาท และส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสติปัญญา (ไอคิว) ของเด็ก และยังก่อให้เกิดมะเร็งในตับได้ นายอัครพล กล่าวต่อว่า ผลวิเคราะห์พบว่ามีของเล่นเด็กและผลิตภัณฑ์พลาสติกหลายชนิดที่มีสารกลุ่มนี้ปนเปื้อนสูงกว่า 50 พีพีเอ็ม (ส่วนในล้านส่วน) ซึ่งเป็นระดับที่ก่ออันตรายต่อร่างกายได้ สำหรับประเทศไทยมูลนิธิบูรณะนิเวศได้สุ่มตรวจลูกบิดรูบิก 9 ตัวอย่าง พบ 2 ตัวอย่างมีการปนเปื้อนสารเหล่านี้ในปริมาณสูง ดังนั้นเครือข่ายเห็นว่าไม่ควรนำสารเหล่านี้มาผลิตของเล่นเด็ก และควรมีมาตรการกำจัดผลิตภัณฑ์ที่อันตรายต่อเด็กออกจากท้องตลาดด้วย ขณะเดียวกัน เครือข่ายฯ เตรียมผลักดันให้การประชุมอนุสัญญาสต็อกโฮล์มของรัฐบาลนานาชาติออกข้อบังคับและมาตรการเชิงป้องกันเพื่อคุมเข้มการใช้สารอันตรายกลุ่มนี้ในทั่วโลก และชี้รัฐบาลทุกประเทศควรมีมาตรการภายในประเทศเพื่อควบคุมเรื่องนี้ด้วย ด้านนายอัครพล ตีบไธสง นักวิชาการมูลนิธิบูรณะนิเวศ กล่าวว่า สำหรับตัวอย่างรูกบิกที่เอามาตรวจนั้นเป็นการสุ่มตรวจจากตลาดค้าส่งผลิตภัณฑ์ของเล่น พลาสติกต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ซึ่งบางตัวอย่างอยู่ในซองพลาสติกไม่ระบุแหล่งที่มา แต่มีถึง 8 ตัวอย่างที่พบตราสัญลักษณ์ “มอก.” หรือมาตรฐานอุตสาหกรรม แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าได้ตราสัญลักษณ์นั้นมาด้วยวิธีใด เพราะตามตัวอย่างที่เจอสารอันตรายนั้นพบว่าเป็นตัวที่มีสัญลักษณ์ “มอก.” ด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผลการตรวจสอบนี้เพิ่งออกมา จึงยังไม่ได้ส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเมืองไทยได้รับทราบแต่จะมีการส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแน่นอน เพื่อดำเนินการป้องกันทั้งปลายทางคือเก็บผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานออกจากท้องตลาด และมาตรการระดับต้นทางคือการกำหนดมาฐานห้ามใช้สารเหล่านี้ในการผลิตของเล่นเด็ก นายอัครพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สารอ๊อคต้าเป็นสารเคมีที่ทั่วโลกห้ามใช้ตามข้อบังคับของอนุสัญญาสต็อกโฮล์ม โดยทั่วไปจะใช้ในการผลิตเทอร์โมพลาสติก ซึ่งเป็นพลาสติกชนิดที่อ่อนตัวเมื่อโดนความร้อน ส่วนเอชบีซีดี (HBCD) เป็นสารเคมีที่ใช้ในการผลิตโฟมที่เป็นฉนวนกันความร้อนภายในอาคาร ซึ่งทั่วโลกห้ามใช้ตามอนุสัญญาสต็อกโฮล์มเช่นกัน และเดคา (DecaBDE) เป็นสารเคมีที่กำลังมีการเสนอให้ทั่วโลกห้ามใช้ตามอนุสัญญาสต็อกโฮล์มอยู่ ซึ่งโดยทั่วไปสารกลุ่มนี้จะถูกใช้ในการผลิตพลาสติกจำพวกแผงวงจรไฟฟ้า กล่องหรือฝาครอบเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น จอเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือชิ้นส่วนรถยนต์ เป็นต้น เมื่อผลิตภัณฑ์เหล่านั้นหมดอายุการใช้งาน และถูกนำไปรีไซเคิลโดยไม่มีการกำจัดสารอันตรายกลุ่มนี้ออกเสียก่อน ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิลนี้ก็จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ นอกจากนี้สารกลุ่มนี้ยังสามารถสะสมอยู่ในสิ่งแวดล้อม พืช และสัตว์ และสามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้จากการหายใจ การสัมผัส และการรับประทานอาหารที่มีสารเหล่านี้สะสมอยู่่ เดลินิวส์ออนไลน์ 19 เม.ย.60
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม
This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทรศัพท์ : 0 2201 7252-6 โทรสาร : 0 2201 7251,65 e-mail : info@dss.go.th
Wednesday March 18, 2020 7:31 PM 8:49 PM หน่วยงานนี้ทำข้อมูลโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการศึกษาค้นคว้าเท่านั้น มิใช่เพื่อการแสวงหาผลกำไร