กระทรวงวิทย์ฯ พร้อมจัดใหญ่ “สตาร์ทอัพ ไทยแลนด์ 2017” 6-9 กรกฎาคมนี้ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โชว์ผลงานสตาร์ทอัพไทยและต่างประเทศกว่า 300 บูธ และร่วมลุ้น สุดยอดสตาร์ทอัพแห่งปี วันนี้( 3 กค.60) ที่โรงแรมเดอะสุโกศล กรุงเทพ   กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(สนช.) จัดแถลงข่าวการจัดงาน “ Startup Thailand 2017” โดยดร. อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า จากการจัดงาน Startup Thailand 2016 ในปีที่ผ่านมา ทำให้ เกิดกระแสตื่นตัวของสตาร์ทอัพอย่างมาก และเพื่อให้เกิดการผลักดันและส่งเสริมสตาร์ทอัพอย่างต่อเนื่องในปีนี้จึงจัดงาน Startup Thailand 2017 ขึ้นภายใต้แนวคิด “SCALE UP ASIA” ซึ่งจัดขึ้นใหญ่กว่าเดิมและมีความเป็นนานาชาติมากขึ้น โดยยกระดับงานสู่การเป็นแพลตฟอร์มใหม่ ที่เชื่อมโยงและส่งเสริมการเติบโตของสตาร์ทอัพในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ได้มีการจัดงานในระดับภูมิภาคไปแล้ว 4 ครั้ง  คือ ที่จังหวัดสงขลา ชลบุรีขอนแก่นและเชียงใหม่  ในช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมา และล่าสุด จะมีการจัดงาน“ Startup Thailand 2017” ในกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 6-9 กรกฎาคมนี้ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ รศ. นพ. สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาคนทั่วไปมักจะมองว่าสตาร์ทอัพส่วนใหญ่ คือแอพพลิเคชั่น หรือกลุ่ม อี-คอมเมิร์ซ แต่ปีนี้ จะมีการแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยได้สนับสนุนและพัฒนาความหลากหลายของสาขาธุรกิจสตาร์ทอัพ เทียบได้กับสหรัฐอเมริกา อิสราเอลหรือประเทศชั้นนำอื่นๆ เพื่อเปิดโอกาสและสร้างจุดดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติที่ต้องการสนับสนุนสตาร์ทอัพในสาขาอื่นๆ หรือในกลุ่มที่เป็น Non-commercial ด้วย โดยงานในปี 2017 นี้ จะมีกลุ่มสตาร์ทอัพประเภทสาขาธุรกิจถึง 9 กลุ่มสาขาธุรกิจเข้าร่วมงาน ได้แก่ กลุ่มธุรกิจภาครัฐและการศึกษา (GovTech&EdTech) กลุ่มการเกษตรและอาหาร (AgTech&FoodTech) กลุ่มนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ (HealthTech) กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตแห่งอนาคต (IndustryTech) กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีบริการ (Servicetech) กลุ่มเทคโนโลยีการเงิน (FinTech) กลุ่มไลฟ์สไตล์ และความบันเทิง (Lifestyle – Entertainment– Gaming) กลุ่มเทคโนโลยีท่องเที่ยว (TravelTech) และกลุ่มเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ (Propertytech-UrbanTech)  ซึ่งได้การตอบรับจาก สตาร์ทอัพ ทั้งไทยและต่างประเทศ เข้าร่วมมากถึง 300 รายใน 9 กลุ่มสาขาธุรกิจ   ซึ่งคัดเลือกจากผู้สมัครเข้ามามากกว่า 1,000 ราย ทั้งนี้ จะมีการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชนอย่างครบวงจร โดยรวบรวมกลุ่มผู้สนับสนุนทั้งด้านแหล่งทุน แหล่งสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคเอกชน นักลงทุน มหาวิทยาลัยและหน่วยสนับสนุนสตาร์ทอัพจากพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมมากกว่า 30 หน่วยงาน จาก 15 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาชนจีน เกาหลีใต้ อิสราเอล อินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน โปรตุเกส สเปน ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม ออสเตรีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา และพิเศษสำหรับปีนี้ คือการมอบรางวัล Prime Minister Award : National Startup 2017 แก่สตาร์ทอัพของไทยที่มีผลงานโดดเด่นในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณและเชิดชูเกียรติให้แก่ผู้มีส่วนร่วมในการส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศสำหรับสตาร์ทอัพและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสตาร์ทอัพให้มีศักยภาพทางธุรกิจให้แก่ประเทศไทยและก้าวสู่ตลาดต่างประเทศได้ ด้านดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.)กล่าวว่า ในส่วนของไฮไลต์การเสวนาและบรรยายจากวิทยากรชั้นนำระดับโลก และวิทยากรจากไทยและต่างประเทศ กว่า 200 คนจาก 15 ต่างประเทศ ที่จะมาร่วมเสวนาแชร์ ประสบการณ์ พูดคุยให้ความรู้ อัพเดทเทรนด์ของโลกช่วยเปิดโอกาสทางธุรกิจให้กับนักลงทุน ผู้สนใจ และเหล่าสตาร์ทอัพในสาขาต่างๆ ทั้งหมดเพื่อการสร้างเครือข่ายสตาร์ทอัพให้เข้มแข็ง และสร้างโอกาสให้การพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับนักธุรกิจชั้นนำในระดับโลก โดยปีนี้มีวิทยากรชั้นนำมากมายที่มาร่วมบรรยายและเสวนาซึ่งไม่ควรพลาดตลอดในงานทั้ง 4 วัน นอกจากนี้กิจกรรมที่เป็นสุดยอดของงานคือการค้นหาสุดยอดสตาร์ทอัพของประเทศไทย ซึ่งมีกิจกรรม Pitching Challenge ค้นหาสุดยอด สตาร์ทอัพ ปี 2017 ถึง 2 เวที ได้แก่ Startup Thailand Pitching Challenge 2017 และ Startup Thailand League ซึ่งเป็นการจัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ที่คัดเลือกจากทีมที่ชนะเลิศในระดับภูมิภาคแต่ละภูมิภาคทั้ง 4 ภูมิภาคที่จัดมาแล้วมาแข่งที่กรุงเทพฯ ในงาน STARTUP THAILAND ที่ศูนย์สิริกิติ์ฯ ในรอบชิงชนะเลิศ ในวันสุดท้ายของงาน เพื่อหาทีมสุดยอด Startup Thailand Pitching Challenge 2017 Startup Thailand League ของประเทศไทย ประจำปี 2017 ประชาชนหรือผู้ที่สนใจ สามารถเข้าร่วมชมงานหรือฟังสัมมนา กับวิทยากรระดับโลก ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดย ลงทะเบียนล่วงหน้า ได้ที่ ZIPEVENT หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมจาก Website และ Facebook STARTUP THAILAND เดลินิวส์ออนไลน์ 3.07.17