มธ.ร่วมจิตแพทย์จุฬาฯ พัฒนาแอปพลิเคชันตรวจคัดกรอง "อัลไซเมอร์" ด้วยเสียงพูด ใช้งานได้ผ่านสมาร์ทโฟน ทราบผลภายในครึ่งชั่วโมง แม่นยำ 99% เผยใช้งานจริงแล้วใน รพ.จุฬาฯ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ป่วยและโรงพยาบาล คว้ารางวัลเหรียญทองเกียรติยศ
จากการประกวดสิ่งประดิษฐ์ระดับโลก
รศ.ดร.จาตุรงค์ ตันติบัณฑิต อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ปัจจุบันสังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ โดยจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้ทำการสำรวจผู้สูงอายุมาแล้ว 5 ครั้ง ผลการสำรวจที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งการสำรวจครั้งล่าสุดในปี 2557 พบว่า ประเทศไทยมีประชากรทั้งหมดประมาณ 66 ล้านคน มีสัดส่วนผู้สูงอายุร้อยละ 14.9 ของประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 10 ล้านคน สอดคล้องกับมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทยที่ให้ข้อมูลเมื่อปี 2558
โดยคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าหรือในปี 2564 สัดส่วนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20 ซึ่งหมายความว่าประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ และในอีกไม่ถึง 20
ปีจะกลายเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอด (super-aged society) โดยผู้สูงอายุจะมีสัดส่วนถึงร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด
รศ.ดร.จาตุรงค์ กล่าวว่า สำหรับผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป พบว่า ร้อยละ 50-70
กำลังเผชิญกับโรคอัลไซเมอร์ สาเหตุของภาวะสมองเสื่อม บางรายไม่รู้ตัว ส่วนบางรายรู้ตัวช้าและต้องพบว่ารักษาไม่ได้แล้วอันเกิดจากการตายของเซลล์สมองเร็วกว่าวัยอันควร ทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลงและเป็นภาระต่อผู้ใกล้ชิดมากขึ้น ประกอบกับการคัดกรองโรคใช้เวลานานและค่าใช้จ่ายสูงตลอดจนการขาดแคลนของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลห่างไกล ทั้งนี้ ตนได้ร่วมกับ พญ.โสฬพัทธ์ เหมรัญชโรจน์ อาจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.จุฑามณี อ่อนสุวรรณภาควิชาภาษาอังกฤษและภาษาศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มธ. และ ดร.กฤษณ์ โกสวัสดิ์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) พัฒนาแอปพลิเคชัน “การตรวจคัดกรองโรคอัลไซเมอร์และการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อยอย่างอัตโนมัติด้วยเสียงพูด” โดยผู้ที่เข้ารับการคัดกรองโรค แค่ทำการตอบคำถาม 21 ข้อ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ซึ่งคำถามดังกล่าวถูกสร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับภาษาไทย เหมาะสมกับบริบทของคนไทย ครอบคลุมทุกแง่มุม
ยกตัวอย่าง คำถามด้านการรับรู้สภาวะรอบตัว (Orientation) เช่น ถามคำถามเรื่องเวลาและสถานที่ ณ ขณะนั้น, ด้านความตั้งใจและการคำนวณ เช่น การลบเลขทีถอยหลังทีละ 7 , ด้านความจำ (Memory) เช่น บอกที่อยู่ บอกชื่อบุคคล, ด้านภาษา (Language) เช่น
การบอกชื่อของสิ่งของ, ด้านความสามารถในการใช้ภาษาในการพูดอธิบาย (Verbal description ability) การเล่าเรื่องหรืออธิบายสถานการณ์จากภาพ เป็นต้น เมื่อตอบคำถามครบ เสียงพูดของผู้เข้ารับการคัดกรองจะถูกนำไปวิเคราะห์ ทั้งคุณลักษณะทางสัญญาณ เช่น ความถี่มูลฐาน, ความเข้ม, การหยุด, จังหวะในการพูด และวิเคราะห์คุณลักษณะการใช้คำประเภทของคำต่าง ๆ ในภาษาเช่น คำนาม, คำสรรพนาม, คำกริยา, คำวิเศษณ์ เป็นต้น จากนั้นปัญญาประดิษฐ์จะประมวลผลออกมา 3 ระดับ คือผู้มีภาวะปกติ, ผู้มีภาวะความจำบกพร่องเล็กน้อยและผู้ป่วยอัลไซเมอร์" รศ.ดร.จาตุรงค์ กล่าว
รศ.ดร.จาตุรงค์ กล่าวว่า แอปพลิเคชันดังกล่าวสามารถประหยัดเวลาได้มาก จากเดิมใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงและมีความถูกต้องเพียงร้อยละ 70-90 ที่สำคัญสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการตรวจและประหยัดงบประมาณของโรงพยาบาลจากการซื้อเครื่องตรวจ ตลอดจนระยะเวลาในการตรวจที่กินเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ทำให้ทางคณะผู้วิจัยกำลังพัฒนาให้ระบบมีการประมวลผลที่รวดเร็วและรองรับภาษาอื่นมากยิ่งขึ้นเพื่อให้การใช้งานมีความครอบคลุมและขยายผลสู่ผู้ป่วยกลุ่มอื่น ทั้งนี้ แอปพลิเคชันนี้สามารถใช้งานได้ผ่านสมาร์ทโฟนและมีความแม่นยำถึงร้อยละ 99 โดยได้มีการใช้งานคัดกรองโรคให้ผู้ป่วยจริงในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นอกจากนี้
ผลงานดังกล่าวยังได้รับรางวัลเหรียญทองเกียรติยศ จากการประกวดสิ่งประดิษฐ์ระดับโลกจากงาน International Exhibition of Inventions of Geneva ครั้งที่ 45 ณ กรุงเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เมื่อเร็วๆ นี้
ผู้จัดการออนไลน์ 11.07.17 |