อย.ไฟเขียว สารสกัดขมิ้นชัน “แอนติออกซ์” ของ อภ.ขึ้นทะเบียนเป็น "ยา" เผยเป็นสมุนไพรรายแรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาปัจจุบัน ใช้แทนยาตัวอื่น บรรเทาปวดโรคข้อเข่าเสื่อม เทียบกับยาต้านอักเสบ ไอบูโปรเฟน ทำการทดลองคนไข้ รพ.ศิริราช มีผลข้างเคียงท้องอืด เฟ้อ น้อยกว่ายาแผนปัจจุบัน ไม่ก่อพิษเรื้อรัง อภ.เผยเตรียมวิจัยต่อเพื่อใช้เป็นยาแก้อักเสบทดแทนนำเข้านพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า แอนติออกซ์ (Antiox) สารสกัดขมิ้นชันในรูปแบบแคปซูล เป็นสมุนไพรตัวแรกของ อภ.ที่ได้ขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นยาแผนปัจจุบันสามารถใช้ทดแทนยาแผนปัจจุบันที่ใช้บรรเทาอาการปวดในโรคข้อเข่าเสื่อม อย่างไรก็ตาม ควรใช้ตามแพทย์แนะนำ สตรีมีครรภ์หรือระยะให้นมบุตรไม่ควรใช้ และผู้ป่วยที่เป็นนิ่วในถุงน้ำดีควรระวังในการใช้ โดยสารสกัดขมิ้นชัน 1 แคปซูลจะเทียบเท่าเคอร์คูมินอยด์ 250 มิลลิกรัม ซึ่งไม่เคยมีสมุนไพรได้รับการขึ้นทะเบียนในกลุ่มนี้มาก่อน ที่ผ่านมายาสมุนไพรจะนำมาใช้เป็นยาเสริมร่วมกับยาแผนปัจจุบันนพ.นพพรกล่าวอีกว่า อภ.ได้ศึกษาทางเภสัชวิทยาและพิษวิทยาของแคปซูลสารสกัดขมิ้นชัน โดยการศึกษาประสิทธิผลและความปลอดภัยเปรียบเทียบกับยาต้านอักเสบไอบูโปรเฟนในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมที่ รพ.ศิริราช จำนวน 367 คน แบบสหสถาบัน การทดลองแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับแคปซูลสารสกัดขมิ้นชัน ขนาด 250 มิลลิกรัม ครั้งละ 2 แคปซูล 3 ครั้งต่อวัน นาน 4 สัปดาห์ จำนวน 185 คน และกลุ่มที่ได้รับยาต้านอักเสบไอบูโปรเฟน รับประทานครั้งละ 400 มิลลิกรัม 3 ครั้งต่อวัน จำนวน 182 คน ซึ่งพบว่าแคปซูลสารสกัดขมิ้นชันมีประสิทธิผลในการลดอาการปวดข้อของโรคข้อเข่าเสื่อม และช่วยให้ข้อเข่าดีขึ้น ไม่แตกต่างกับการใช้ยาไอบูโบรเฟน และแคปซูลสารสกัดขมิ้นชันพบผลข้างเคียงด้านระบบทางเดินอาหาร เช่น อาการปวดท้อง ท้องอืด น้อยกว่ากลุ่มที่ได้รับยาไอบูโปรเฟนอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนการศึกษาทางพิษวิทยา มีการศึกษาพิษเรื้อรังในสัตว์ทดลอง พบว่าปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดพิษเรื้อรัง“การที่สารสกัดขมิ้นชันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาแผนปัจจุบัน แปลว่าสามารถใช้เป็นยาแทนยาแผนปัจจุบันที่มีสรรพคุณเหมือนกันได้เลย คือถ้าใช้สารสกัดขมิ้นชันแล้วก็ไม่ต้องยาแผนปัจจุบันตัวอื่นควบคู่กันไปอีก ซึ่งผลการศึกษาสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดโรคข้อเข่าเสื่อมได้ไม่แตกต่างจากยาไอบูโปรเฟนที่เป็นยาแผนปัจจุบัน และมีผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหารน้อยกว่า เพราะโดยสรรพคุณของขมิ้นชันปกติใช้เป็นยาแก้ท้องอืดอยู่แล้ว และ อภ.มีเป้าหมายที่จะศึกษาวิจัยต่อไปเพื่อใช้ทดแทนยาแก้อักเสบ เพราะแต่ละปีประเทศไทยมีมูลค่าการใช้ยากลุ่มนี้หลายพันล้านบาท” นพ.นพพรกล่าว.
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม
This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทรศัพท์ : 0 2201 7252-6 โทรสาร : 0 2201 7251,65 e-mail : info@dss.go.th
Wednesday March 18, 2020 7:31 PM 8:49 PM หน่วยงานนี้ทำข้อมูลโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการศึกษาค้นคว้าเท่านั้น มิใช่เพื่อการแสวงหาผลกำไร