“ชุดช่องแสงประหยัดพลังงาน-อุปกรณ์กันแดดให้หลังคา” อีกหนึ่งเทคโนโลยีช่วยให้บ้านเย็นลง 3-4 องศาเซลเซียส ป้องกันรังสียูวีสะสมในบ้าน จากการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากทิศทางการโคจรของดวงอาทิตย์ในมุมมองที่แตกต่างจากอดีตเตรียมจับมือภาคเอกชนขยายสเกลการผลิตระดับอุตสาหกรรมในปี 2562 กระเบื้องหลังคาใสจะช่วยให้บ้านสว่างด้วยแสงจากธรรมชาติ แต่บ่อยครั้งที่ผู้อยู่อาศัยต้องเผชิญแสงจ้าไม่สบายตาและความร้อนสะสมจากยูวี จึงกลายเป็นโจทย์โครงการวิจัยในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อแก้ปัญหาทั้งประเด็นแสงที่ไม่พอดีและเทคโนโลยีต่างประเทศที่ต้นทุนสูงดีไซน์ตามแสงตะวัน โสภา วิศิษฏ์ศักดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชานวัตกรรมอาคาร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า อาคารบ้านเรือนต่างๆ มักพบปัญหาแสงสว่างภายในอาคารไม่เพียงพอ บางคนเลือกที่จะเพิ่มความสว่างด้วยกระเบื้องโปร่งแสง แต่ก็ไม่สามารถควบคุมความจ้าที่ทำให้ไม่สบายตาแถมยังสะสมความร้อนไว้ภายในอาคาร ทำให้ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศมากขึ้น รวมทั้งรังสียูวีที่มาพร้อมแสง นอกจากส่งผลต่อร้ายต่อผิวหนังแล้ว ยังส่งผลต่อเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ จึงเป็นที่มาการออกแบบรูปทรงช่องรับแสงแบบใหม่ โดยใช้ประโยชน์จากแสงทางอ้อม ร่วมกับข้อมูลทิศทางการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์โครงการ “ชุดช่องแสงและอุปกรณ์กันแดดสำหรับหลังคาที่มีการระบายอากาศโดยวิธีธรรมชาติ” ดำเนินการร่วมกับนางสาวณัฏรี ศรีดารานนท์ นิสิตปริญญาเอก หลักสูตรสิ่งแวดล้อมสรรค์สร้าง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และ ศ.โจเซฟ เคดารี วิทยาลัยพลังงานและ สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนรัตนโกสินทร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ เกิดขึ้นโดยศึกษาทฤษฎีการเดินทางของแสงและคำนวณมุมเพื่อดูที่ตั้งว่า ไทยอยู่ตรงไหนของโลก พร้อมทั้งออกแบบรูปทรงช่องรับแสงที่มี 3 ส่วนคือ ส่วนทึบแสง ส่วนโปร่งใสและส่วนระบายอากาศ ส่วนทึบแสงจะอยู่ในมุมที่กันแดดและป้องกันรังสียูวีโดยตรงได้ 100% ตลอดทั้งปี ขณะที่ส่วนโปร่งแสงจะอยู่ในมุมที่สามารถรับแสงทางอ้อม เป็นความสว่างในระดับที่สบายตา มีความสม่ำเสมอและทำให้ผู้ใช้อาคารสามารถมองเห็นท้องฟ้า สำหรับส่วนระบายอากาศจะอยู่ขอบล่างที่เป็นตะแกรง ซึ่งเหมาะกับการไหลเวียนอากาศ รูปทรงช่องรับแสงจะเป็นทรงโค้งลู่ลม ช่วยดันลมร้อนจากภายในตัวอาคารออกไปในมุมที่จะไม่ตีกลับเข้ามาในอาคาร ขณะเดียวกันก็ช่วยพัดพาฝุ่นที่เกาะในส่วนโปร่งแสงออกไปด้วยนักวิจัยทดสอบประสิทธิภาพของชุดรับแสงนี้ในกล่องทดสอบซึ่งเป็นบ้านจำลองขนาดเล็ก เบื้องต้นพบว่า สามารถลดอุณหภูมิภายในได้ 3-4 องศาเซลเซียส ซึ่งส่งผลต่อสภาวะน่าสบายและการประหยัดพลังงานไฟฟ้า แสงสว่าง และระบบปรับอากาศ “เราพัฒนาโมเดลนี้โดยใช้ความรู้และอุปกรณ์ในประเทศ ไม่ต้องใช้เครื่องกลปรับมุมกันแดด ทำให้ต้นทุนต่ำ ง่ายในการผลิต เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีขั้นสูงจากต่างประเทศอย่างเซนเซอร์ ทำให้มีต้นทุนอุปกรณ์และการติดตั้งในราคาหลักหมื่นถึงหลักแสน” โสภา กล่าว
Bangkokbiznews 25.08.17
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม
This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทรศัพท์ : 0 2201 7252-6 โทรสาร : 0 2201 7251,65 e-mail : info@dss.go.th
Wednesday March 18, 2020 7:31 PM 8:49 PM หน่วยงานนี้ทำข้อมูลโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการศึกษาค้นคว้าเท่านั้น มิใช่เพื่อการแสวงหาผลกำไร