Library Subject Cloud
Air Pollution. Biochemistry. Chemistry, Analytic Quantitative. Chemistry, Analytic. Chemistry, Inorganic. Chemistry, Organic. Chemistry, Physical and theoretical. Chemistry. Children's literature. Chromatographic analysis. Food Analysis. Food Microbiology. Food Preservation. Food additives. Food industry and trade. Food. Nutrition. Physics. Plastics. Polymers and polymerization. Polymers. Rubber. Water Analysis. Water Purification. การบริหารงานบุคคล. ภูมิพลอดุลยเดช, พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา, 2470- พระราชกรณียกิจ. วรรณกรรมสำหรับเด็ก. วิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยี. วิทยาศาสตร์สำหรับเยาวชน. โสตทัศนวัสดุ.

หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
QR for Android App
Test Library System
QR for Android App
DSS Science eBook
Standard Collection
OECD Agriculture and Food
คู่มือการใช้งาน e-book ของ iGPublishing Platform
รายการ e-book ที่ให้บริการบน iGPublishing Platform
สำนักพิมพ์ Elsevier
e-book ของสำนักพิมพ์ iSmithers สาขาที่ควบคุมทางด้าน ยาง,กระจก,โพลีเมอร์
Britannica Academic Edition
Britannica Merriam Webster
แนะนำ ฐานข้อมูล
เว็บไซต์ด้านมาตรฐาน
เว็บไซต์เกี่ยวกับสิทธิบัตร
ฐานข้อมูล Electronic Journals อ่าน Fulltext ได้สำหรับบริการบุคลากรภายในกรมฯ
ฐานข้อมูล e-content (วารสารต่างประเทศ)
รายชื่อวารสารอภินันทนาการ
เว็บที่เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสาร/ระเบียบ Reach
ฐานข้อมูลแก้ไขปัญหาเกษตรกรรมขั้นพื้นฐาน
บริการสืบค้นข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์
ฐานข้อมูลประมวลสารสนเทศเฉพาะเรื่อง
ประวัตินักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญของโลก
ฐานข้อมูลวัสดุเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมเซรามิก,แก้ว ...
ข้อมูลเอกสารรายงานการวิจัย
ฐานข้อมูลส่งเสริมเผยแพร่สารสนเทศสู่ชุมชน

สถิติจาก truehit.net


ตรวจสอบและติดตามข้อคิดเห็นจากผู้ใช้บริการ
แผนการฝึกอบรมปี 2562
แผนการอบรมหลักสูตรถ่าย
ทอดเทคโนโลยี ปี 2561
ประกาศอัตราค่าบริการใหม่และ
การชำระค่าบริการ
รายชื่อฐานข้อมูลทั้งหมด
แนะนำเอกสารใหม่ 
  ลิงค์เว็บเพจแนะนำ
    เอกสารใหม่
  ดาวน์โหลดบัญชีรายชื่อ
    เอกสารใหม่
  คู่มือการใช้งาน
เว็บไดเร็คทอรี่ (web directory)
ข่าวด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เว็บศูนย์ประสานงานสารนิเทศ
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กระดานถาม-ตอบ
เว็บไซต์ด้านวัสดุสัมผัสอาหาร
เว็บไซต์ด้านแก้ว
เว็บไซต์ด้านเซรามิก
เว็บไซต์คลังความรู้ OTOP
ห้องปฏิบัติการยางและผลิตภัณฑ์ยาง
 
สำนักงานที่ปรึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
 
UTCC Central Library


นำโค้ดไปติดที่เว็บของท่านแล้ว
กรุณาแจ้งเราทาง E-mail ที่
Webmaster
 
 
 
 
 

Talent Mobility Fair 2017 เปิดโอกาสเอกชนให้รู้จักบุคลากรวิจัยของภาครัฐ  

          จัดเวที Talent Mobility Fair 2017 เชื่อมโยงระหว่างบุคลากรวิจัยภาครัฐกับโจทย์วิจัยและนวัตกรรมของภาคเอกชนเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ไทยแลนด์ 4.0
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดงาน Talent Mobility Fair 2017 ในวันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2560 ณ ห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยได้รับเกียรติจาก นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาเป็นประธานกล่าวเปิดงาน และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “บทบาทของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับการพัฒนากำลังคนสู่ Thailand 4.0”
ทั้งนี้มีผู้เข้าร่วมงาน ทั้งผู้ประกอบการจากภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม อาจารย์จากสถาบันอุดมศึกษา นักวิจัย และนักวิชาการจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มากกว่า 400 คน เพื่อร่วมขับเคลื่อนโครงการ Talent Mobility หรือ “โครงการส่งเสริมบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม จากมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยภาครัฐไปปฏิบัติงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในภาคเอกชน” ให้มีความก้าวหน้า ซึ่งจะเป็นกลไกหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม ที่ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป
นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยที่มาของโครงการ Talent Mobility ว่า บุคลากรวิจัยในประเทศไทย กว่าร้อยละ 70 ปฏิบัติงานอยู่ในมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของภาครัฐ ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนนักวิจัยในภาคเอกชนอย่างเร่งด่วน และเป็นการส่งเสริมเชื่อมโยงระหว่าง ภาคอุดมศึกษาและภาคอุตสาหกรรม (University-Industry Linkages) อย่างเป็นรูปธรรม จึงมีการดำเนินการ “โครงการส่งเสริมบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม จากมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของภาครัฐไปปฏิบัติงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในภาคเอกชน” หรือ “Talent Mobility” ขึ้น เพื่อสนับสนุนให้บุคลากรวิจัยของภาครัฐเข้าไปช่วยปฏิบัติงาน และพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของภาคเอกชน ซึ่งจะทำให้เกิดการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างองค์ความรู้ใหม่ ทำให้เกิดนวัตกรรมที่มีประโยชน์ต่อประชาชนและช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ทั้งนี้ โครงการ Talent Mobility ได้มีการสร้างระบบ Clearing House ขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการเชื่อมโยงบุคลากรของภาครัฐให้ไปช่วยภาคเอกชนได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งปัจจุบันได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กระทรวงศึกษาธิการ ในการส่งเสริมและสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยเข้าร่วมโครงการกว่า 21 มหาวิทยาลัย ทั่วประเทศ ปัจจุบันโครงการ Talent Mobility ไม่เพียงแต่มีการร่วมดำเนินการกับทาง สกอ.เท่านั้น แต่ยังมีการดำเนินโครงการร่วมกับโปรแกรม ITAP ของ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โครงการพัฒนานักวิจัยและงานวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม (พวอ.) และฝ่ายอุตสาหกรรม ของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) รวมถึงสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และหน่วยงานอื่นๆ รวม 8 แห่ง
จากการดำเนินงานที่ผ่านมา ปัจจุบันมีบุคลากรที่เคลื่อนย้ายไปปฏิบัติงานในภาคเอกชนภายใต้โครงการ Talent Mobility แล้ว จำนวน 993 คน แบ่งเป็น นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจำนวน 466 คน นักวิจัยจากสถาบันวิจัยของรัฐจำนวน 83 คน และผู้ช่วยนักวิจัยจำนวน 444 คน (นักศึกษา ป.เอก 51 คน ป.โท 101 คน ป.ตรี 292 คน) มีบริษัทที่เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้นจำนวน 292 บริษัท จาก 366 โครงการ โดยเป็นบริษัท SME กว่า 90% (263 แห่ง) และจากโครงการทั้งหมดนี้ พบว่าอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมโครงการมากที่สุดคือ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร คิดเป็น 37% ของโครงการทั้งหมด และเป็นกิจกรรมการวิจัยและพัฒนามากถึง 61%
สำหรับสิ่งที่กระทรวงวิทย์ฯ จะขับเคลื่อนต่อไปในอนาคต คือการร่วมจัดทำยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติที่ประกอบไปด้วย 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์การสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ 2.การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ประเด็นทางสังคม 3.การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์การสร้างองค์ความรู้พื้นฐานของประเทศ และ 4.การสร้างบุคลากร พัฒนาระบบนิเวศ และเครือข่ายการวิจัยและนวัตกรรมที่เข้มแข็ง
“นอกจากนี้ กระทรวงวิทย์ฯ ยังเป็นหน่วยงานหลักที่จัดทำยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม 20 ปี ของประเทศ โดยครอบคลุมถึงยุทธศาสตร์การวิจัย การพัฒนากำลังคน ด้านงบประมาณ และด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อปฏิรูประบบวิจัยและนวัตกรรมของไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เราคิดว่าการปรับปรุงระบบวิจัยใหม่ในครั้งนี้ จะช่วยกำหนดทิศทางงานวิจัยของประเทศให้เป็นแบบ Demand-driven มากขึ้นและเป็นการเพิ่มการลงทุนในด้านการวิจัยของภาคเอกชน ทั้งยังสนับสนุนการทำงานแบบ Public Private Partnership (PPP) อีกด้วย” นายพรชัยฯ กล่าว
ด้าน ดร. กิติพงค์ พร้อมวงค์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) กล่าวว่า การจัดงาน Talent Mobility Fair 2017 ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล ในการส่งเสริมให้นักวิจัย และบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือ วทน. จากมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของภาครัฐ ไปปฏิบัติงาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้แก่ภาคเอกชน หรือที่รู้จักกันในชื่อ นโยบาย “Talent Mobility” ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 โดยได้มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สวทน. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อผลักดันการดำเนินการตามนโยบาย Talent Mobility ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด
ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินนโยบายนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมความพร้อมด้านกำลังคนเพื่อตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ของประเทศ 20 ปี และรองรับการขับเคลื่อนประเทศสู่ไทยแลนด์ 4.0 อีกทั้ง เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ภาคเอกชน นักวิจัย มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยภาครัฐ ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ได้รับทราบถึงกลไกการสนับสนุนการเคลื่อนย้ายบุคลากร วทน. จากสถาบันอุดมศึกษาและสถาบันวิจัยของภาครัฐไปปฏิบัติงานในภาคเอกชน ตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงนำเสนอตัวอย่างผลงานวิจัยที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับภาครัฐ เพื่อแสดงศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาของบุคลากร วทน. ของภาครัฐ ตลอดจนสร้างเวทีให้ผู้ประกอบการ ได้พบปะหารือกับนักวิจัย มหาวิทยาลัย รวมถึงหน่วยงานวิจัยเพื่อจับคู่ความร่วมมือ และทำงานร่วมกัน
ดร.กิติพงค์ฯ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การจัดงานงาน Talent Mobility Fair 2017 ในครั้งนี้ ถือเป็นเวทีสำคัญที่ช่วยเชื่อมโยงให้ภาคเอกชนสามารถพบกับบุคลากรวิจัยที่เหมาะสมตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการหรือภาคเอกชน เพื่อร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีศักยภาพ เป็นเวทีให้ภาคเอกชนสามารถเข้ามา จับคู่หานักวิจัยที่เหมาะสม ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการหรือภาคเอกชน โดยภายในงานได้รับเกียรติจากผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “บทบาทของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับการพัฒนากำลังคนสู่ Thailand 4.0” นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและมากประสบการณ์ จากภาคเอกชน มาแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับประโยชน์ของระบบการสนับสนุนจากภาครัฐ และร่วมเสวนาในหัวข้อ “การเพิ่มศักยภาพด้านนวัตกรรมของภาคเอกชนด้วยระบบสนับสนุนจากภาครัฐ”
พร้อมทั้งกิจกรรมในภาคบ่าย ประกอบด้วยการเสวนาในประเด็นที่อยู่ในความสนใจของภาคเอกชน นักวิจัย มหาวิทยาลัย และหน่วยงานวิจัยภาครัฐ ใน 2 หัวข้อ ได้แก่ เรื่อง“รูปแบบการสนับสนุนและบริการวิจัยเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม” โดยวิทยากรจากหน่วยงานภาครัฐที่มีบริการในการสนับสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาของภาคเอกชน เรื่อง “Build up SMEs เพิ่มขีดความสามารถด้านวิจัยและนวัตกรรม (R&I) รองรับ Disruptive Change” โดย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งในเวทีเสวนาประกอบด้วยวิทยากรผู้มีประสบการณ์ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ที่จะมาให้มุมมองเกี่ยวกับทิศทางและแนวทางการพัฒนา SMEs ในประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังจัดให้มีการจัดแสดงนิทรรศการจากมหาวิทยาลัยที่เป็นศูนย์อำนวยความสะดวกและหน่วยงานร่วมดำเนินการ Talent Mobility กว่า 20 แห่ง ซึ่งภายในบูธนิทรรศการนอกจากมีการแสดงตัวอย่างผลงานที่พัฒนาร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยและภาคเอกชนแล้ว ยังมีกิจกรรมการจับคู่ความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการ และนักวิจัยที่ต้องการไปปฏิบัติงานในภาคเอกชน โดยความร่วมมือจากสภาอุตสาหกรรมฯ ร่วมดำเนินการกับ สวทน. ตั้งแต่การประกาศรับโจทย์จากสถานประกอบการ นำส่งโจทย์ที่ได้รับไปยังมหาวิทยาลัยเครือข่าย รวมถึงประสานงานเพื่อนัดหมายให้นักวิจัยและสถานประกอบการได้มาพบปะ และพูดคุยกันเบื้องต้นก่อนที่จะพัฒนาความร่วมมือในรูปแบบต่างๆ ต่อไปในอนาคต และภายในงานยังมีโซนนิทรรศการของหน่วยงานภาครัฐที่ให้บริการและสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมของภาคเอกชนกว่า 12 แห่ง รวมถึงการแสดงผลงานของภาคเอกชนที่มีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพของสถานประกอบการ และเป็นสถานประกอบการที่ได้เข้าร่วมการฝึกอบรมหลักสูตร Next Gen Innovator ที่จัดโดย สวทน. ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมฯ จำนวน 15 แห่ง
“ขอเชิญชวนผู้เข้าร่วมงานจากภาคเอกชนสมัครเข้าร่วมกิจกรรม โดยสามารถฝากข้อมูลความต้องการนักวิจัยไว้ได้ที่บริเวณ Matching Center ในโซน University-industry linkages โดยทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจะเป็นผู้รวบรวมโจทย์ความต้องการของท่านแล้วเชื่อมโยงโจทย์ดังกล่าวไปที่ศูนย์อำนวยความสะดวก Talent Mobility ต่อไป และสำหรับนักวิจัยก็ขอเชิญชวนทุกท่านเข้ามากรอกข้อมูลความเชี่ยวชาญได้ที่ Matching Center เพื่อแจ้งความประสงค์ในการทำงานร่วมกับภาคเอกชน ได้เช่นเดียวกัน” ดร.กิติพงค์ฯ กล่าว

Manager online 02.10.17

อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม







   




   
   
   

 

 

This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400
โทรศัพท์ : 0 2201 7252-6  โทรสาร : 0 2201 7251,65  e-mail : info@dss.go.th

Wednesday March 18, 2020 7:31 PM 8:49 PM
หน่วยงานนี้ทำข้อมูลโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการศึกษาค้นคว้าเท่านั้น มิใช่เพื่อการแสวงหาผลกำไร