สกว.จับมือ สกอ. ปลุกพลังนักวิจัยรุ่นใหม่ให้มีความเข้มแข็งทางวิชาการ และต่อยอดผลงานวิจัยให้ “ไม่ขึ้นหิ้ง” ท่ามกลางสภาวการณ์การแข่งขันค่อนข้างสูงและท้าทาย พร้อมแนะให้ดู “โครงการพระราชดำริ” เป็นตัวอย่างของผลงานวิชาการรับใช้สังคม ขณะที่เมธีวิจัยอาวุโส สกว.ย้ำนักวิจัยต้องไม่ทิ้งราก เพราะการต่อยอดงานสู่พาณิชย์ต้องมีความรู้พื้นฐานที่ดีและเป้าหมายที่ชัดเจนรศ.ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล รองผู้อำนวยการ สกว. ด้านการวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนา “โครงการฝ่ายวิชาการ สกว. สัญจร ครั้งที่ 2” ภาคกลาง เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561 ณ โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพฯ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์ทิศทางการให้ทุนวิจัยรูปแบบใหม่และยุทธศาสตร์ต่างๆ ของ สกว. และ สกอ. แก่นักวิจัยรุ่นใหม่ รวมถึงแนะนำเทคนิคการนำเสนอโครงการวิจัยและผลงานวิจัยให้ได้รับการตอบรับในเชิงบวก การทำวิจัย “ไม่ขึ้นหิ้ง” พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การทำวิจัยที่ประสบความสำเร็จจากเมธีวิจัยอาวุโส สกว.รองผู้อำนวยการ สกว. กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยต้องเผชิญกับสภาวการณ์การแข่งขันค่อนข้างสูง และวิตกกังวลกับสถานะที่เป็นอยู่ ดังนั้นเราจึงต้องมองงานให้ใหญ่ขึ้น ไม่เฉพาะแค่รางวัลระดับประเทศที่ตัวเองได้รับ และต้องการความร่วมมือในระดับภูมิภาค ทั้งนี้อยากฝากกระตุ้นให้นักวิจัยรุ่นใหม่ทุกคนมองเป็นความท้าทายที่จะต้องมองไปข้างหน้าว่างานของตัวเองจะเป็นประโยชน์อย่างไรกับประเทศชาติ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 20 ปีของประเทศ และยุทธศาสตร์ 5 ปี ของ สกว. จึงขอให้ทุกคนมีความเข้มแข็งทางวิชาการ ต่อยอดขยายผลงานวิจัยให้ใช้ได้จริงเพื่อสังคมและประเทศของเรา งานวิจัยจึงจะไม่ขึ้นหิ้ง รางวัลที่ได้รับนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางในการพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จยิ่ง ๆ ขึ้นไป ขณะเดียวกันก็เป็นหน้าที่ของทั้ง สกว. และ สกอ. ที่จะต้องสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของประเทศได้จริงขณะที่ สุทิศา จั่นมุกดา ผู้อำนวยการกลุ่มมาตรฐานการบริหารงานบุคคล สกอ. ระบุว่าการประเมินผลงานทางวิชาการจะคำนึงถึงประเภทของผลงานทางวิชาการ การเผยแพร่ การมีส่วนร่วมในผลงานทางวิชาการ และความสอดคล้องกับสาขาวิชาที่เสนอขอ โดยแบ่งประเภทของผลงานออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 งานวิจัย กลุ่มที่ 2 ผลงานวิชาการเพื่ออุตสาหกรรม ผลงานวิชาการเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนและการเรียนรู้ ผลงานวิชาการเพื่อพัฒนานโยบายสาธารณะ กรณีศึกษา งานแปล และพจนานุกรม สารานุกรม นามานุกรม และงานวิชาการในลักษณะเดียวกัน ผลงานสร้างสรรค์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผลงานสร้างสรรค์ด้านสุนทรียะ/ศิลปะ สิทธิบัตร และซอฟต์แวร์ กลุ่มที่ 3 ผลงานวิชาการรับใช้สังคม กลุ่มที่ 4 ตำรา หนังสือ และบทความทางวิชาการ ทั้งนี้ในส่วนของผลงานวิชาการรับใช้สังคมนั้น ขอให้ดูโครงการในพระราชดำของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นตัวอย่าง ซึ่งนักวิจัยจะต้องลงไปดูว่าชุมชนมีปัญหาอะไร และใช้ความรู้ในการแก้ปัญหานั้นๆศ.ดร.อุทัยรัตน์ ณ นคร เมธีวิจัยอาวุโส สกว. กล่าวระหว่างการเสวนา “ทำอย่างไรงานวิจัย “ไม่” ขึ้นหิ้ง: การพัฒนานวัตกรรมและการนำไปใช้เชิงพาณิชย์” ว่าการทำวิจัยด้านสัตว์น้ำและต่อยอดในระดับอุตสาหกรรมนั้นเกิดขึ้นจากโจทย์ความต้องการของชาวบ้านและใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย อย่างไรก็ตาม ผู้รับผิดชอบนโยบายยังไม่รู้บริบทของงานวิจัยอย่างแท้จริง จึงไม่เข้าใจความสำคัญของงานวิจัยพื้นฐานที่จะต้องมีรากของงานจึงจะออกดอกออกผลได้ “นักวิจัยก็ต้องมีเป้าหมายในชีวิตว่าอยากรู้เรื่องใด สนใจเรื่องใด อย่าหวั่นไหวทิ้งรากและลำต้น ที่สำคัญต้องมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะเดินไปที่ใด แต่ต้องมีความสามารถในการสื่อสารกับเจ้าของทุนได้ จะได้ไม่เสียเวลาทำงานและเกิดความยั่งยืนมากกว่า ความรักในการทำงานวิจัยเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะทำให้ทำวิจัยด้วยความสนุกและไม่อยากทิ้งงาน”เช่นเดียวกับ ศ. ดร.สักกมน เทพหัสดิน ณ อยุธยา กล่าวว่า การใช้ประโยชน์จากงานวิจัยของตนเริ่มต้นจากการทำงานวิจัยพื้นฐานที่มุ่งได้ความรู้เป็นสำคัญ จนได้รับการต่อจากภาคเอกชนที่เชื่อใจ จึงสามารถขยายระดับจากห้องปฏิบัติการสู่ระดับอุตสาหกรรม สิ่งที่อยากบอกนักวิจัยคืองานวิจัยจำนวนมากไปไม่ถึงหิ้ง ไม่สามารถขึ้นหิ้งได้ เป็นเพราะงานยังไม่ดีพอจึงไม่รู้จะนำไปใช้ได้อย่างไร นอกจากนี้ยังต้องมีความชัดเจนในเป้าหมายและความอดทนต่อการทำวิจัยเพื่อให้สามารถเดินทางต่อไปถึงเป้าหมายได้
Manager online 10.04.18
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม
This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทรศัพท์ : 0 2201 7252-6 โทรสาร : 0 2201 7251,65 e-mail : info@dss.go.th
Wednesday March 18, 2020 7:31 PM 8:49 PM หน่วยงานนี้ทำข้อมูลโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการศึกษาค้นคว้าเท่านั้น มิใช่เพื่อการแสวงหาผลกำไร