ดร.ดำรงค์ฤทธิ์ เนียมหมวด ปฏิบัติหน้าที่รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจิสด้า กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลกำลังผลักดัน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่ง 1 ในอุตสาหกรรมที่หลายฝ่ายให้ความสนใจและอยากลงทุน คือ อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดที่มีบทบาทในการสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินและอวกาศโดยตรง อย่างไรก็ตามมีหลายหน่วยงานที่มีส่วนร่วมผลักดันอุตสาหกรรมนี้ เช่น BOI ที่ส่งเสริมการลงทุน ให้ tax incentive กับอุตสาหกรรมการบินและอวกาศในระดับสูงสุด หรือ CAAT ที่เป็นผู้กำหนดข้อกฎหมาย และกฎการบินสำหรับประเทศไทย หรือแม้แต่สำนักงาน EEC ที่ร่วมส่งเสริมและผลักดันในทุกๆ อุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมทั้งอุตสาหกรรมการบินโดยเฉพาะการซ่อมบำรุงอากาศยาน มุ่งเน้นการลงทุนจากต่างขาติในพื้นที่ EEC เช่น โครงการเมืองการบินอู่ตะเภา รวมถึงจิสด้าที่มีภารกิจในการสร้างและพัฒนานวัตกรรมด้านการบินและอวกาศ การบริการทดสอบเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ เป็นต้น ดังนั้น จึงมีผู้ประกอบการไทยจำนวนไม่น้อยสนใจอยากเข้าสู่อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ โดยต่อยอดจากอุตสาหกรรมเดิมที่มีอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ก็ต้องการที่จะผลิตชิ้นส่วนอากาศยานบ้าง ตามที่รัฐบาลได้สนับสนุน แต่สิ่งที่มักจะเป็นอุปสรรคสำหรับผู้ประกอบการไทยคือ “มาตรฐาน” ซึ่ง อุตสาหกรรมการบินและอวกาศมีมาตรฐานหลายประเภท ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ผลิตอากาศยานรายใหญ่ที่จ้างผลิตหรือบริการ แต่มาตรฐานอันดับแรกที่มักจะใช้เป็นข้อกำหนดสำหรับอุตสาหกรรมนี้ คือ AS9100 หรือ “ระบบการจัดการคุณภาพ – ข้อกำหนดสำหรับองค์กรการบิน อวกาศ และการป้องกันประเทศ” ซึ่งจะเป็นมาตรฐานในเชิงสัญลักษณ์ว่าองค์กรนั้นๆ มีการบริหารจัดการที่ดี มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะสามารถแสดงถึงความพร้อมในการแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศให้แก่นักลงทุนต่างชาติ ล่าสุด Lloyd's register ได้ประกาศรับรองมาตรฐาน AS9100 ให้กับห้องปฏิบัติการกาแลคซี่ (GALAX) ของจิสด้า ซึ่งถือเป็นหน่วยงานรัฐบาล หน่วยงานแรกของไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานนี้ เพื่อแสดงความพร้อมขององค์กรในการผลักดันและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินและอวกาศให้แก่ประเทศไทยให้ทัดเทียมสากล รวมทั้งกระตุ้นความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในการใช้ประเทศไทยเป็นฐานการประกอบธุรกิจด้านการบินและอวกาศ โดยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีบริษัทได้รับการรับรองมาตรฐาน AS9100 มากที่สุด ตามมาด้วยมาเลเซียและประเทศไทย ด้าน ดร.ณัฐวัฒน์ หงส์กาญจนกุล รักษาการหัวหน้าฝ่ายพัฒนาและเชื่อมโยงธุรกิจนวัตกรรมอวกาศ และหัวหน้าห้องปฏิบัติการกาแลคซี่ของจิสด้า เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทย มีผู้ประกอบการจำนวน 32 หน่วย กว่า 20 บริษัท ที่ได้รับการรับรอง AS9100 ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้ประกอบการผลิตชิ้นส่วน หรือ ซ่อมบำรุงอากาศยานจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ดังนั้น ตัวระบบและมาตรฐานต่างๆ ก็จะมีแบบแผนหรือรูปแบบตามบริษัทหลักจากต่างประเทศ ดังนั้นเมื่อบริษัทเหล่านั้นเข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทย ก็จำเป็นที่ต้องหา supplier ในประเทศ ซึ่ง supplier ในไทยเหล่านั้น ก็ต้องพยายามอัพเกรดตัวเองให้สามารถรับบริการในอุตสาหกรรมการบินจากบริษัทข้ามชาติเหล่านั้นได้ และ requirement อย่างหนึ่งที่สำคัญคือ มาตรฐาน AS9100 จึงทำให้บริษัทไทยจำเป็นต้องขอการรับรอง AS9100 ด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่จะเรียนรู้ระบบการจัดการมาตรฐานคุณภาพระดับสากลด้านการบิน อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ต้องการเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ต้องยอมลงทุนอย่างมากในการตรวจประเมิน แต่หากได้มาตรฐาน AS9100 แล้ว องค์กรนั้นจะได้รับความเชื่อถือในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ แสดงถึงความพร้อมในการประกอบธุรกิจด้านการบินและอวกาศ นอกจากการหาเป้าหมายในประเทศไทย บริษัทที่ได้รับมาตรฐาน AS9100 จะเข้าสู่ระดับสากลได้ โดยอัตโนมัติเนื่องจากผู้ที่ได้รับมาตรฐานนี้จะมีรายชื่อถูกบรรจุในฐานข้อมูลผู้ประกอบการ Aerospace ที่สามารถเข้าถึงได้ทั่วโลก ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยก็จะเข้าสู่ Global Value chain ในทันที สำหรับห้องปฏิบัติการกาแลคซี่ ซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐาน AS9100D มีภารกิจในการให้บริการทดสอบวัสดุโครงสร้าง หรือวัสดุของอากาศยาน ทั้งธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานและการซ่อมบำรุงอากาศยาน และถือเป็นห้องปฏิบัติการทดสอบอิสระ (independent laboratory) แห่งแรกในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้ให้บริการประเภทนี้ได้ ทั้งนี้เริ่มให้บริการทดสอบวัสดุอากาศยานด้านความแข็งแรงและโครงสร้างเพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการด้านชิ้นส่วนอากาศยานและซ่อมบำรุงอากาศยาน ซึ่งมีหลายรายในประเทศ รวมถึงสนับสนุนงานวิจัยในมหาวิทยาลัย การมีแล็บให้บริการทดสอบประเภทนี้ในประเทศไทยจะสามารถทดแทนการส่งไปใช้บริการและทดสอบในแล็บต่างประเทศซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่อชิ้นค่อนข้างสูง ขณะนี้ได้เปิดให้บริการและมีหน่วยงานภาคเอกชนติดต่อใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เวลาทดสอบไม่เกิน 7 วัน อัตราค่าบริการต่ำกว่าแล็บต่างประเทศกว่า 50% Dailynews online 03.07.18
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม
This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทรศัพท์ : 0 2201 7252-6 โทรสาร : 0 2201 7251,65 e-mail : info@dss.go.th
Wednesday March 18, 2020 7:31 PM 8:49 PM หน่วยงานนี้ทำข้อมูลโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการศึกษาค้นคว้าเท่านั้น มิใช่เพื่อการแสวงหาผลกำไร