สู่ปีที่ 2 โครงการ Chula Zero Waste เดินหน้าลดขยะอย่างมีระบบ โดยตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคมนี้ คงได้เห็นโรงอาหารหลักจุฬาฯ 7 แห่งนำร่องใช้ Zero-Waste Cup หรือแก้วกระดาษเคลือบพลาสติกชีวภาพ ที่ย่อยสลายได้ 100% และจะขยายไปสู่โรงอาหารทั้งหมดในจุฬาฯ รวม 17 แห่งภายใน 3 เดือน พร้อมประเมินว่าจะลดขยะจากแก้วพลาสติกได้มากกว่า 2 ล้านใบต่อปี กระทุ้งรัฐอีกที ออกกฎหมายบังคับห้างค้าปลีก “เก็บเงินค่าถุง” ก่อนหน้านี้ทางโครงการ Chula Zero Waste มีการให้ข้อมูลและทำความเข้าใจทั้งในส่วนของผู้บริหาร ผู้ค้าในโรงอาหาร ตัวแทนนิสิตนักศึกษา โดยพบว่าทุกฝ่ายให้การตอบรับค่อนข้างดีถึงตัดสินใจขับเคลื่อน เช่นเดียวกับผลสำเร็จในช่วงปีแรกที่ลดขยะ “ถุงก๊อบแก๊บ” หรือถุงพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ผ่านโครงการลดถุงพลาสติกของ Chula Zero Waste ซึ่งขณะนี้คงงดแจกถุงฟรีในจุฬาฯ อย่างเด็ดขาด และเปลี่ยนเป็นเก็บเงิน 2 บาทต่อ 1 ถุง ดร.สุจิตรา วาสนาดำรงดี นักวิจัย สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้จัดการโครงการ Chula Zero Waste บอกว่า “เราใช้เวลา 1 ปี 7 เดือน ลดไปราวๆ 2 ล้านใบ และเตรียมต่อยอดขยายไปสู่ตลาดนัดจุฬา และฝั่งแพทย์ ซึ่งก่อนจะเริ่มโครงการนี้ เรามีปริมาณการใช้ถุงประมาณ 130,000 ใบต่อเดือน ช่วงแรกเราเริ่มจากการรณรงค์ซื้อของน้อยไม่รับถุงได้ไหม? ก็ลดไปได้ 30% ต่อมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 เป็นต้นมาถึงตัดสินใจงดแจกถุงฟรี แล้วเปลี่ยนเป็นเก็บเงิน 2 บาทต่อ 1 ถุงหากผู้ซื้อต้องการใช้ถุง ผลลัพธ์คือลดไปเกือบ 90% จำนวนถุงที่ใช้เหลือแค่หลักหมื่นต่อเดือน แต่ร้านสะดวกซื้อบางส่วนก็จะมีข้อยกเว้น เช่นถุงสำหรับใส่ของร้อน แต่สหกรณ์ของจุฬาฯ นี่เข้มข้นถึงขนาดไม่มีถุงให้ลูกค้าเลย” ผลสำเร็จจากปฏิบัติการที่ต่อเนื่อง “ไม่ใช่โครงการทำแล้วจบภายในปีเดียว แต่เราทำต่อเนื่องอย่างเป็นกระบวนการเพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ในช่วงปีแรกใช้งบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการก่อน แต่เข้าสู่ปีที่สองเป็นต้นมา ใช้งบของทางมหาวิทยาลัยในการทำระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยและขยะอันตรายในมหาวิทยาลัย” แผนปฏิบัติการของโครงการจุฬา Zero-Waste 2560 เริ่มต้นเมื่อเดือนตุลาคม 2559 ซึ่งเป็นการนับตามปีงบประมาณ นี่ก็เข้าสู่ปีที่ 2 แล้ว เป้าหมายเราวางไว้ 2 ส่วน ส่วนแรกตั้งเป้ากว้างๆ คือการลดขยะเหลือทิ้งไม่น้อยกว่า 30% ในสิ้นปีที่ 5 ของแผน กับอีกส่วนปรับเปลี่ยนค่านิยมองค์กรให้คนของจุฬา ตระหนัก ใส่ใจ Zero-Waste “โจทย์สำคัญอยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรบ้างให้คนในจุฬาตระหนักถึงปัญหาลดขยะ เหตุดังกล่าวเราจึงมีการจัดประชุม สัมมนาเกี่ยวกับ Zero-Waste เพื่อให้ทุกส่วนงานคิดเหมือนกัน เมื่อก้าวมาถึงตอนนี้เราถือว่ากำลังก้าวไปได้ด้วยดี เพราะหลายส่วนงานของจุฬาฯ ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขาร่วมแสดงถึงความตระหนักลดขยะ ลดพลาสติก โดยเฉพาะขยะพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์ใหญ่จากภายนอกมากระตุ้นด้วย เช่นข่าววาฬบริโภคขยะพลาสติกเข้าไปโดยมีต้นเหตุจากคนที่เป็นผู้สร้างขยะทะเล เป็นต้น” จี้รัฐเดินหน้าออกกฏหมายบังคับ เมื่อมีนโยบายจากทางจุฬาฯ เราก็ได้พยายามบอกภาครัฐเสมอว่า “ออกได้แล้วในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย” เพื่อให้ห้างค้าปลีกเก็บเงิน งดแจกฟรี ซึ่งจะต้องอาศัยการออกกฎหมายเฉพาะ ซึ่งตอนนี้บ้านเรายังไม่มีกฎหมายอะไรรองรับในเรื่องนี้ ถ้าเป็นฝั่งของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องออกกฎหมายเฉพาะ แต่ถ้าเป็นฝั่งของกระทรวงการคลัง เขาก็มีเครื่องมือจาก พ.ร.บ.สรรพสามิต อย่างเดียว แต่ภาษีสรรพสามิต เขาเก็บที่โรงงานอย่างเดียวที่หน้าโรงงาน แต่จะได้ผลนั้นควรจะเก็บกันที่ห้างค้าปลีก ผู้บริโภคถึงจะตระหนัก เรื่องนี้ก็มีหลายต้นแบบจากต่างประเทศที่เขาทำกันมาก่อน ถึงแม้ว่าโรงงานทำให้ราคาถุงพลาสติกสูงขึ้นก็จริง แต่ผู้บริโภคคงไม่ได้ตระหนักว่าราคาถุงมันแพงขึ้น ถ้าหากเขายังใช้ถุงฟรี คงจะช่วยจูงใจให้ร้านค้างดแจกถุงฟรีน้อยลง แต่ไม่ช่วยปลายทางได้สักเท่าไหร่ เราจึงเสนอว่าน่าจะมีกฎหมายมารองรับ แต่อาจจะมีห้างค้าปลีกอ้างว่า market share ที่เขาใช้ถุงมีแค่ 30% ส่วนอีก 70% พวกร้านค้าตลาดสด ร้านค้ารายย่อยต่างหากที่ใช้เยอะกว่า ก็อยากจะบอกว่า ร้านค้าย่อยคงให้เขาเก็บเงินจากลูกค้าคงทำยาก เขาไม่ได้มีระบบแคชเชียร์ เราก็เลยบอกว่าร้านรายย่อยขอให้เป็นลำดับถัดไปได้ไหม ถ้าห้างค้าปลีกนำร่องก่อน แม้ได้เพียง 30% ถ้าทำได้ก่อน เราเชื่อว่าจะเกิดเป็นกระแสสังคมงดใช้ถุงพลาสติกเอง และการใช้ภาษีสรรพสามิตที่เก็บหน้าโรงงานจะทำให้ราคาถุงพลาสติกแพงขึ้น ก็จะลดแรงจูงใจให้พ่อค้าแม่ค้าร้านค้าย่อยลดปริมาณใช้ถุง เรียกว่าเราต้องอาศัยหลายเครื่องมือมาช่วยเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายลด-งดใช้ถุงพลาสติกอย่างยั่งยืน Manager online 09.07.18
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม
This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทรศัพท์ : 0 2201 7252-6 โทรสาร : 0 2201 7251,65 e-mail : info@dss.go.th
Wednesday March 18, 2020 7:31 PM 8:49 PM หน่วยงานนี้ทำข้อมูลโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการศึกษาค้นคว้าเท่านั้น มิใช่เพื่อการแสวงหาผลกำไร