กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จับมือการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการการพัฒนารถโดยสารประจำทางใช้แล้วของ ขสมก. เป็นรถโดยสารไฟฟ้าเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการ ครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมจัดทำบทวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการนำรถโดยสารไฟฟ้าที่ได้รับการพัฒนามาขยายผลใช้งาน และความคุ้มค่าในการนำรถโดยสารประจำทางใช้แล้วของ ขสมก.มาเป็นรถโดยสารไฟฟ้าเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไทยให้สูงขึ้น และสร้างขีดความสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ดร.วีระศักดิ์ อุดมกิจเดชา ประธานคณะกรรมการยานยนต์สมัยใหม่ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า สวทช.ได้หารือกับผู้แทนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เช่น การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ กรมการขนส่งทางบก สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สถาบันยานยนต์ บีโอไอ และสำนักงานนโยบายและแผนการจราจรและขนส่ง โดยมีการประชุมหารือแนวทางดำเนินการร่วมกันตั้งแต่กลางปี 2560 ภายใต้ชื่อกลุ่ม “ภาคีเครือข่ายพัฒนาการผลิตรถโดยสารไฟฟ้าไทย” ซึ่งภาคีดังกล่าวมีความเห็นร่วมกันว่าประเทศไทยมีผู้ประกอบการที่สามารถผลิตรถโดยสารใช้เองมานาน และการมาของเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่รัฐบาลได้ส่งเสริมให้เกิดการใช้รถไฟฟ้าในประเทศ จึงมีความเห็นร่วมกันที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมสำหรับผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพได้พัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีของตนไปสู่การผลิตรถโดยสารไฟฟ้า คาดหวังว่าในอนาคตหากมีรถโดยสารไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพภาครัฐจะสนใจนำมาใช้งานในกิจการภาครัฐ โดย ขสมก.มีรถเก่าอยู่พอสมควร เพื่อสร้างมูลค่าของรถด้วยการนำมาปรับปรุงเป็นรถไฟฟ้าเพือก่อให้เกิดความคุ้มค่าได้ จึงเป็นที่มาของความร่วมมือในครั้งนี้ ดร.ฐิตาภา สมิตินนท์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า สวทช.ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงกับ กฟน. กฟผ. กฟภ. และ ขสมก.ในด้านการวิจัยและพัฒนา “โครงการการพัฒนารถโดยสารประจำทางใช้แล้วขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพเป็นรถโดยสารไฟฟ้าเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย” โดย สวทช.ได้รับเกียรติจาก กฟน. กฟผ. กฟภ. และ ขสมก.ในการบริหารจัดการกิจกรรม ขณะที่ สวทช.นอกจากบทบาทในการบริหารจัดการกิจกรรมดังกล่าวร่วมกันแล้ว ยังได้สนับสนุนงบประมาณ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค และการทำนโยบายเพื่อให้โครงการดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์ในการยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย และได้รถโดยสารไฟฟ้า 4 คันที่พัฒนาต่อยอดจากรถโดยสารประจำทางเก่าของ ขสมก. พร้อมผลศึกษาความเป็นไปได้ในการนำรถโดยสารไฟฟ้าที่ได้รับการพัฒนามาขยายผลใช้งาน และความคุ้มค่าในการพัฒนารถโดยสารประจำทางใช้แล้วเป็นรถโดยสารไฟฟ้าของ ขสมก. เพื่อนำผลของกิจกรรมไปดำเนินการต่อยอดในเชิงนโยบายให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและประเทศต่อไป นายกีรพัฒน์ เจียมเศรษฐ์ รองผู้ว่าการ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กล่าวว่า กฟน.ได้มีการสนับสนุนกิจกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อตอนสนองนโยบายรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เช่น การสนับสนุนสถานีอัดประจุ การทดลองใช้ยานยนต์ไฟฟ้านำร่อง การสนับสนุนการทำมาตรฐานเต้ารับเต้าเสียบสำหรับยานยนต์ร่วมกับ สวทช.เสนอ สมอ. ซึ่งเป็นที่มาของมาตรฐานเต้ารับเต้าเสียบสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่ประกาศใช้แล้วขณะนี้ ทั้งนี้ ในกิจกรรมพัฒนารถโดยสารไฟฟ้าจากรถประจำทางใช้แล้วของ กฟน. กฟผ. กฟภ. ขสมก. สวทช.จัดร่วมกันในครั้งนี้ ทาง กฟน.มีความตั้งใจในการสนับสนุนเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทยในการสร้างขีดความสามารถในการผลิตรถโดยสารไฟฟ้า และเป็นโอกาสที่ทำให้เกิดการทดลองใช้งานจริงๆ ใน ขสมก. ซึ่งหากผลการดำเนินการของกิจกรรมเสร็จสิ้นแล้ว หน่วยงานรัฐและเอกชนของประเทศน่าจะได้แนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมรถโดยสารไฟฟ้าที่ชัดเจนยิ่งขึ้น นายภัทรพงศ์ เทพา ผู้ช่วยผู้ว่าการนโยบาย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ.มีความตั้งใจในการผลักดันความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้จากการที่ กฟผ.มีการสนับสนุนให้เกิดการทำวิจัยพัฒนาด้านยานยนต์ไฟฟ้าร่วมกับ สวทช.มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่การสนับสนุนการทำวิจัยด้านการดัดแปลงรถยนต์สันดาปภายในไปเป็นรถไฟฟ้า เช่น การดัดแปลงรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซ รวมทั้งในอนาคตจะมีการดัดแปลงเพิ่มอีก 2 รุ่น คือ นิสสัน อัลเมรา และโตโยต้า อัลทิส รวมถึงการพัฒนาชิ้นส่วนหลักของรถไฟฟ้า เช่น มอเตอร์อินเวอร์เตอร์ ระบบบริหารจัดการแบตเตอรี่ และระบบปรับอากาศไฟฟ้า เป็นต้น สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ กฟผ.เห็นว่าเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยทดลองผลิตรถโดยสารไฟฟ้าจากพื้นฐานรถประจำทางเก่าของ ขสมก. และได้ทดลองนำไปใช้จริงในรูปแบบของรถโดยสารประจำทาง เพื่อให้ได้ทราบถึงความเหมาะสมในการนำรถประจำทางเก่าไปใช้งาน และการนำรถโดยสารไฟฟ้าที่ทำการวิจัยไปวิ่งให้บริการจริง ซึ่งหากการนำรถโดยสารไฟฟ้ามาใช้งานในการขนส่งในเขตเมืองทำได้จริงจะเป็นการลดมลพิษทางอากาศให้ประชาชนอีกด้วย นายศรัณย์พงศ์ อาชว์สุนทร ผู้ช่วยผู้ว่าการวางแผนและพัฒนาระบบไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวต่อว่า การดำเนินงานภายใต้บันทึกข้อตกลงดังกล่าว กฟภ.ได้สนับสนุนงบประมาณและข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ สวทช. และผู้ประกอบการในการวิจัยและพัฒนารถโดยสารประจำทางใช้แล้วเป็นรถโดยสารไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังสนับสนุนบุคลากรร่วมกับ กฟน. กฟผ. สวทช. ขสมก. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ในการพิจารณาผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ รวมถึงติดตามการดำเนินงานของโครงการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ และการวิจัยในโครงการดังกล่าวจะเป็นเวทีในการพิสูจน์ศักยภาพของผู้ประกอบการไทยในการพัฒนารถโดยสารไฟฟ้าในประเทศ รวมไปถึงเป็นการส่งเสริมการนำผลงานวิจัยการพัฒนารถโดยสารไฟฟ้าไปขยายผลใช้งานเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือ และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป นายสาคร รุ่งสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ 2 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า ขสมก.เป็นรัฐวิสาหกิจประเภทสาธารณูปโภค สังกัดกระทรวงคมนาคม ปัจจุบันมีรถโดยสารให้บริการประชาชนจำนวน 2,674 คัน รองรับเส้นทางเดินรถ 118 เส้นทาง ซึ่งรถโดยสารส่วนใหญ่ใช้ระบบเครื่องยนต์ดีเซล มีอายุการใช้งาน 19-27 ปี มีสภาพเก่าทรุดโทรม และมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูง และยังมีค่ามลพิษจากไอเสียสูง ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในแผนฟื้นฟูกิจการของ ขสมก.มีแผนต้องจัดหารถโดยสารใหม่ทดแทนรถเดิม ซึ่งรถใหม่ที่จะต้องจัดหาต้องมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งรถโดยสารไฟฟ้าเป็นหนึ่งประเภทที่อยู่ในโครงการจัดหารถใหม่ทดแทนรถเก่าที่ปลดระวาง ซึ่งรถเก่ามีสภาพทรุดโทรม ในโครงการนี้คณะกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพมีมติให้บริจาครถปลดระวางจำนวน 4 คันเพื่อเข้าร่วมโครงการ และสนับสนุนงบประมาณในการจัดตั้งสถานีอัดประจุสำหรับรถโดยสารไฟฟ้าร่วมกับ สวทช. จำนวน 2 สถานี 4 หัวจ่าย และเมื่อเสร็จสิ้นโครงการจะมีรถที่ได้มาทดลองวิ่งให้บริการในเขตพื้นที่การเดินรถที่ 1 ต่อไป นอกจากนี้ ผลการวิเคราห์ความคุ้มค่าในการนำรถเก่าปลดระวางมาปรับปรุงเป็นรถโดยสารไฟฟ้า และผลประเมินการทดลองวิ่งรถโดยสารไฟฟ้า จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อ ขสมก.ในการนำมาเป็นข้อมูลประกอบการจัดหารถโดยสารไฟฟ้าตามแผนฟื้นฟูต่อไป กิจกรรมดังกล่าว โครงการฯ จะสนับสนุนผู้ประกอบการในด้านงบประมาณไม่เกิน 75% ของมูลค่าโครงการ หรือไม่เกิน 7 ล้านบาท ใช้เวลาดำเนินการไม่เกิน 9 เดือนในการส่งมอบผลงานรถโดยสารไฟฟ้าที่สร้างขึ้นจากพื้นฐานของรถโดยสารประจำทางใช้แล้วที่ผ่านเกณฑ์การจดทะเบียนเป็นรถโดยสารไฟฟ้าตามข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบก โดยประกาศให้ผู้ประกอบการที่สนใจและมีคุณสมบัติเป็นไปตามเกณฑ์สามารถยื่นขอรับการพิจารณาสนับสนุนได้ โดยต้องเป็นผู้ประกอบการไทย มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 200 ล้านบาท มีประสบการณ์ดำเนินการด้านการประกอบรถโดยสารหรือผลิตแม่พิมพ์สำหรับโครงสร้างขนาดใหญ่มาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี และไม่เป็นนิติบุคคลที่ล้มละลาย หรือถูกฟ้องร้อง สามารถส่งข้อเสนอโครงการเพื่อเสนอพิจารณาได้จนถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2561 ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.nstda.or.th Manager online 22.09.18
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม
This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทรศัพท์ : 0 2201 7252-6 โทรสาร : 0 2201 7251,65 e-mail : info@dss.go.th
Wednesday March 18, 2020 7:31 PM 8:49 PM หน่วยงานนี้ทำข้อมูลโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการศึกษาค้นคว้าเท่านั้น มิใช่เพื่อการแสวงหาผลกำไร