“โครงการแกล้งดิน” เป็นโครงการพระราชดำริโครงการหนึ่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นครั้งแรกในโลกที่มีการใช้วิธีนี้ ในการแก้ไขสภาพดินเปรี้ยวจัดจนทำการเพาะปลูกไม่ได้ผล ให้กลับมาเป็นดินที่มีคุณประโยชน์ต่อการเกษตร ในการเสด็จฯเยี่ยมเยียนราษฎรในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ พระเจ้าอยู่หัวทรงทราบว่าราษฎรในจังหวัดนราธิวาสและจังหวัดใกล้เคียงขาดแคลนที่ทำกิน มีที่ดินว่างเปล่าประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ ไร่ก็จริง แต่มีน้ำท่วมขัง เรียกกันว่า “ดินพรุ” เมื่อระบายน้ำออกหมดจนอากาศสามารถซึมลงดินได้ สารไพไรท์ซึ่งมีอยู่ในดินพรุมากจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ ปลดปล่อยกรดกำมะถันออกมา ทำให้ดินเปรี้ยวจัด เป็นอันตรายต่อพืชที่ปลูก จึงมีพระราชดำรัสให้จัดตั้ง “โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ขึ้น ณ จังหวัดนราธิวาสในปี ๒๕๒๔ เพื่อศึกษาและปรับปรุงพื้นที่พรุให้ใช้ประโยชน์ทางการเกษตรและอื่นๆได้ โดยพระราชทานแนวทางแก้ไขด้วยวิธี “แกล้งดิน” วิธีการคือ แกล้งให้ดินพรุแห้งจนดินโกรธจัดคายกรดกำมะถันออกมามาก แล้วปล่อยน้ำเข้าชะล้างกรดกำมะถันระบายออกไป ปล่อยให้ดินแห้งกระตุ้นให้เกิดกรดอีก โดยร่นระยะเวลาช่วงแล้งและช่วงที่ดินได้รับน้ำจากฝนตามธรรมชาติให้สั้นลง ปล่อยให้ดินแห้ง ๑ เดือน และขังน้ำให้เปียก ๒ เดือนสลับกันไป เกิดภาวะดินแห้งและเปียก ๔ รอบต่อปี เสมือนมีฤดูแล้งและฤดูฝน ๔ ครั้งต่อ ๑ ปี ดินจะคายกรดกำมะถนจนลดความเปรี้ยวลงโดยเร็ว ในวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๓๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯทอดพระเนตรการดำเนินงานของโครงการศูนย์พิกุลทองฯ มีพระราชดำรัสกับ น.ต.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี นายจุลนภ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการ กปร. และเจ้าหน้าที่ชลประทานว่า “โครงการแกล้งดินเป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่พูดมา ๓ ปี หรือ ๔ ปีแล้ว ต้องการน้ำสำหรับมาทำให้ดินทำงาน ดินทำงานแล้วดินจะหายโกรธ อันนี้ไม่มีใครเชื่อ และมาทำที่นี่ก็ได้ผล ดังนั้นผลงานของเราที่ทำที่นี่เป็นงานสำคัญที่สุด เชื่อว่าชาวต่างประเทศเขามาดูเราทำอย่างนี้แล้วเขาก็พอใจ เขามีปัญหาแล้วเขาก็ไม่ได้แก้ หาตำราไม่ได้...” ผลจากการแกล้งดินของโครงการศูนย์พิกุลทองฯนี้ ทำให้ราษฎรมีพื้นที่ปลูกข้าวได้มากขึ้น ที่ปลูกอยู่แล้วก็มีผลผลิตเพิ่มขึ้นอย่างมาก ที่เคยได้ข้าวไร่ละ ๕-๑๐ ถังก็เพิ่มเป็น ๔๐-๕๐ ถัง คนที่เคยซื้อข้าวกินกลับมีข้าวขาย จากพระราชดำริในเรื่อง “แกล้งดิน” และพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องดังกล่าว พบว่าเป็นโครงการที่มีความเป็นนวัตกรรมโดยใช้เทคโนโลยีแก้ไขดินเปรี้ยวในประเทศเขตร้อน และยังไม่มีที่ใดในโลกใช้วิธีนี้ ด้วยพระปรีชาสามารถด้านนวัตกรรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และความตั้งพระราชหฤทัยที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของพสกนิการชาวไทย เป็นที่ประจักษ์และเป็นที่สรรเสริญพระเกียรติคุณไม่เฉพาะแต่ในประเทศไทย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจมาถึง ๖๐ ปีที่ครองราชย์ เป็นคุณประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่อชาวไทยและชาวโลก สำนักนวัตกรรมแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็น “พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย” ในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ใน พ.ศ.๒๕๔๙ และกำหนดให้วันที่ ๕ ตุลาคมของทุกปี เป็น “วันนวัตกรรมแห่งชาติ Manager online 05.10.18
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม
This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทรศัพท์ : 0 2201 7252-6 โทรสาร : 0 2201 7251,65 e-mail : info@dss.go.th
Wednesday March 18, 2020 7:31 PM 8:49 PM หน่วยงานนี้ทำข้อมูลโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการศึกษาค้นคว้าเท่านั้น มิใช่เพื่อการแสวงหาผลกำไร