นักวิทยาศาสตร์พบหลักฐานแรกที่พิสูจน์ว่าขยะพลาสติกเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารมนุษย์แล้ว หลังตรวจพิสูจน์อุจจาระประชากรในยุโรป รัสเซีย และญี่ปุ่น งานวิจัยดังกล่าวซึ่งเป็นการศึกษานำร่องได้ทดสอบอาสาสมัคร 8 คน และพบพลาสติกหลายชนิดที่เข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ โดยพบไมโครพลาสติก 20 อนุภาคต่ออุจจาระ 10 กรัม นักวิทยาศาสตร์คาดเดาว่า ไมโครพลาสติกที่มีขนาดตั้งแต่ 50-500 ไมโครเมตรนั้น อาจถูกกลืนกินโดยผ่านอาหารทะเล พลาสติกห่อหุ้มอาหาร หรือขวดพลาสติก ซึ่งขนาดดังกล่าวไล่เลี่ยกับขนาดเส้นผมมนุษย์ที่มีขนาดตั้งแต่ 50-100 ไมโครเมตร งานวิจัยนี้เปิดเผยภายในงานประชุมด้านวิทยาการทางเดินอาหารที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย เมื่อวันอังคารที่ 23ต.ค.2018 ที่ผ่านมา โดย เบตตินา ไลบ์มันน์ (Bettina Liebmann) นักวิจัยผู้วิเคราะห์ตัวอย่างของเสียมนุษย์ดังกล่าว จากสำนักงานกลางด้านสิ่งแวดล้อมของออสเตรียระบุว่า จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการพบว่า มีพลาสติก 9 ชนิดผ่านทางเดินอาหารของมนุษย์ ตัวอย่างไมโครพลาสติก 2 ชนิด พบได้โดยทั่วไปนั่นคือ โพลีโพรพีลีน (polypropylene) หรือ PP ซึ่งเป็นพลาสติกที่พบในฝาขวด เชือก และสายรัด กับโพลีเอธีลีนเทเรฟทาเลต (polyethylene terephthalate) หรือ PET ซึ่งพบได้ในขวดน้ำอื่ม และเส้นใยสิ่งทอ และยังพบโพลีสไตรีน (polystyrene) ซึ่งพบได้ในเครื่องใช้ภายบ้าน ถ้วยและเครื่องทำความเย็น กับโพลีเอทีลีนที่พบได้ในถุงพลาสติก ซึ่งทั้งหมดนี้คิดเป็น 95% ของอนุภาคไมโครพลาสติกที่ตรวจพบ “เรายังไม่สามารถหาความเชื่อมโยงที่เชื่อถือได้ระหว่างพฤติกรรมการกินอาหารกับการได้รับไมโครพลาสติกเข้าสุ่ทางเดินอาหาร” ฟิลิปป์ ชวาบล์ (Philipp Schwabl) นักวิจัยหลักในการศึกษานี้จากมหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งเวียนนา (Medical University of Vienna) กล่าว รายงานจากเอเอฟพีระบุว่า จากการศึกษาก่อนหน้านี้ในสัตว์พบว่ามีไมโครพลาสติกปริมาณเข้มข้นอยู่ในกระเพาะและลำไส้ของสัตว์ แต่พบอนุภาคดังกล่าวปริมาณเล็กน้อยในเลือด เม็ดเลือดและตับ ชวาบล์กล่าวว่า มีข้อบ่งชี้เบื้องต้นว่า ไมโครพลาสติกเหล่านั้นสามารถทำอันตรายต่อระบบทางเดินอาหาร โดยการทำให้เกิดปฏิกิริยาอักเสบในทันทีหรือการดูดกลืนสารประกอบที่เป็นอันตรายเข้าไป แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อประเมินถึงอันตรายร้ายแรงจากไมโครพลาสติกที่มีผลต่อมนุษย์ อาสาสมัครของชวาบล์เป็นผู้หญิง 5 คน ผู้ชาย 3 คน จากฟินแลนด์ เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ อิตาลี โปแลนด์ รัสเซีย ญี่ปุ่นและออสเตรีย โดยอาสาสมัครมีอายุระหว่าง 33-65 ปี แต่ละรายจะบันทึกการกินนาน 1 สัปดาห์ และเก็บตัวอย่างอุจจาระส่งตรวจ ทั้งหมดกินอาหารที่ห่อหุ้มด้วยพลาสติก และดื่มเครื่องดื่มในขวดพลาสติก และมี 6 รายที่กินอาหารทะเล แต่ไม่มีใครเป็นมังสวิรัติ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในงานวิจัยนี้กล่าวว่า มีข้อจำกัดมากเกินไปที่จะยืนยันข้อสรุปใดๆ โดยเฉพาะในแง่ผลกระทบต่อสุขภาพ โดย อลิแตร์ บอกซอลล์ (Alistair Boxall) ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยยอร์ก (University of York) ในอังกฤษให้ความเห็นว่า เขาไม่มีแปลกใจหรือเป็นกังวลต่อการค้นพบนี้เลย “ไมโครพลาสติกพบได้ในน้ำก๊อก น้ำขวด ปลา และเนื้อเยื่อหอยสองฝา หรือแม้แต่ในเบียร์ ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ที่อย่างน้อยบางส่วนของไมโครพลาสติกจะเข้าสู่ปอดหรือทางเดินอาหารของเรา” บอกซอลล์กล่าวและเสริมว่ายังต้องมีงานวิจัยเพิ่มเติมอีกมาก ก่อนที่จะเราจะประเมินได้ว่าพลาสติกที่พบในท้องเรามีแหล่งกำเนิดจากที่ใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประเมินว่าพลาสติกเหล่านั้นอันตรายหรือไม่ ส่วน สเตฟานี ไรท์ (Stephanie Wright) นักวิจัยจากคิงส์คอลเลจลอนดอน (King's College London) มีคำถามว่า พลาสติกนั้นสะสมในร่างกายคนหรือไม่ ซึ่งสิ่งที่ยังไม่รู้คือความเข้มข้นของพลาสติกที่ถูกกินเข้าไปนั้น มีปริมาณสูงกว่าที่ถูกขับออกมาหรือไม่ เนื่องจากพลาสติกต้องผ่านผนังลำไล้ และยังไม่มีงานวิจัยตีพิมพ์ที่บ่งชี้ถึงผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจจะเกิดขึ้น Manager online 24.10.18
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม
This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทรศัพท์ : 0 2201 7252-6 โทรสาร : 0 2201 7251,65 e-mail : info@dss.go.th
Wednesday March 18, 2020 7:31 PM 8:49 PM หน่วยงานนี้ทำข้อมูลโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการศึกษาค้นคว้าเท่านั้น มิใช่เพื่อการแสวงหาผลกำไร