ปัญหาขยะพลาสติกและการระบายออกไปสู่ประเทศที่ 3 จากที่เคยดำเนินการแบบเงียบๆ ในทางลับๆ ไม่เป็นที่เปิดเผยมานานหลายสิบปี แต่ด้วยปริมาณขยะพลาสติกเพิ่มมากขึ้นทุกวัน และการใส่ใจสิ่งแวดล้อมของผู้คน เรียกว่าเมื่อประชาชนตั้งข้อรังเกียจกับการดำเนินงานแบบไร้ธรรมาภิบาล โดยเฉพาะกับประเทศผู้ทิ้งขยะรายใหญ่ของโลก ล่าสุดที่เพิ่งเป็นข่าวใน Malay Mail เมื่อเร็วๆ นี้ พบว่ามาเลเซียกลายเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายปลายทางของขยะพลาสติกของโลกเพื่อทำการรีไซเคิลขยะ โดยประเทศต่างๆ ขนส่งขยะพลาสติกจำนวนมหาศาลไปยังมาเลเซีย อย่างเช่น ข้อมูลจาก Guardian ระบุว่า สหรัฐอเมริกาขนส่งขยะพลาสติกกว่า 157,299 เมตริกตันไปยังมาเลเซีย ในรอบ 6 เดือนแรกของปีนี้ หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นกว่าปีละ 273% จากระยะเดียวกันปีที่แล้ว ที่เป็นเรื่องราวขึ้นมาสำหรับมาเลเซีย เพราะแนวโน้มของสถานการณ์เช่นนี้ นับวันจะรุนแรงขึ้น จนประเทศที่เป็นเป้าหมายปลายทางได้รับผลกระทบหากไม่เตรียมตั้งรับให้ดี ทั้งนี้ เนื่องจากปีนี้ประเทศจีนเพิ่งจะประกาศยุติการรับขยะพลาสติกเข้ามาในประเทศอย่างเป็นทางการแล้ว นอกจากมาเลเซียแล้ว ประเทศเวียดนามและไทยเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่แย่ลงในฐานะประเทศปลายทางของขยะพลาสติกไม่แตกต่างจากมาเลเซียมากนัก เพราะเวียดนามรับขยะพลาสติกในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ไป 71,220 เมตริกตัน หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 46% และไทยเองก็มีอัตราการเพิ่มขึ้นของการเป็นประเทศรองรับขยะไม่น้อยกว่าสองประเทศดังกล่าว คำถามที่น่าสนใจก็คือ ประเทศที่เป็นฝ่ายต้องรับขยะพลาสติกจากประเทศผู้ทิ้งรายใหญ่เหล่านี้ดูเหมือนจะตกเป็นเหยื่อของสงครามขยะพลาสติกเหล่านี้หรือไม่ ประการแรก จากข้อมูลของกลุ่มกรีนพีชพบว่า เฉพาะสหรัฐเคยส่งออกขยะพลาสติกไปยังจีนในสัดส่วนมากถึง 92% ของขยะพลาสติกทั้งหมดของประเทศ การตัดสินใจของรัฐบาลจีนที่ห้ามการนำเข้าขยะพลาสติกจากต่างประเทศทั้งหมด ทำให้เกิดปัญหาใหญ่ในการผ่องถ่ายขยะพลาสติกจากประเทศเจ้าของขยะพลาสติกรายใหญ่ๆ ของโลกในทันที โดยไม่มีประเทศใดเตรียมพร้อมรองรับปัญหานี้ทดแทนได้และขาดแนวทางเลือกอื่นที่ยืดหยุ่นจัดการขยะพลาสติกที่เคยส่งไปยังจีนได้อย่างครบถ้วน ประการที่สอง ผู้บริโภครายย่อยที่ทำให้เกิดขยะพลาสติกแต่ละคน ไม่มีโอกาสรับรู้กับปัญหาใหญ่เหล่านี้ เพราะเข้าใจว่าทันทีที่ตนทิ้งขยะพลาสติกลงในถังขยะที่ระบุไว้บนถังขยะว่า “รีไซเคิล” หมายความว่าขยะพลาสติกเหล่านี้จะถูกนำไปรีไซเคิล 100% นั่นคือ ไม่มีผู้บริโภคคนใดรับรู้เบื้องหลังการถ่ายทำว่า จริงๆ แล้วขยะพลาสติกที่จะรีไซเคิลได้จะต้องถูกส่งไปยังจีนหรือประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่นๆ ก่อนเพื่อผ่านเข้ากระบวนการรีไซเคิล ซึ่งในความเป็นจริงประเทศเป้าหมายปลายทางเหล่านั้นอาจจะไม่ได้รีไซเคิลขยะพลาสติกทั้ง 100% แต่นำไปทิ้งฝังกลบใต้ดินที่ใดที่หนึ่งก็ได้ และยังใช้วิธีการเผาที่ทำให้เกิดมลพิษ ประการที่สาม ความวิตกถึงประเด็นการบริหารจัดการขยะพลาสติกอย่างมีธรรมาภิบาล และประเด็นการปฏิบัติจริงที่เป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย กติกา หลักเกณฑ์ หรือความตกลงที่ประเทศนั้นๆ กำหนดไว้ จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องแสดงการดำเนินงาน รายงานผลอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้หรือไม่ ประการที่สี่ กรณีของมาเลเซีย พบว่ามีอย่างน้อย 4 ประเทศต้นทางขยะแล้วที่มีข้อมูลเปิดเผยออกมาว่าจะใช้มาเลเซียเป็นเป้าหมายปลายทางของขยะพลาสติกสำหรับการรีไซเคิล คือ อังกฤษ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา ทดแทนช่องทางการส่งออกขยะพลาสติกไปจีน นอกจากนั้น กรณีของอังกฤษมีข้อมูลที่เปิดเผยว่าการส่งออกขยะพลาสติกราว 250,000 เมตริกตัน อยู่ในรูปแบบของหีบห่อสินค้าปกติ (Product packaging) และราว 17% มีปลายทางที่มาเลเซีย เทียบกับในอดีตที่ส่งออกทั้งหมดไปจีน ขณะที่นิวซีแลนด์ได้ส่งออกขยะพลาสติกไปมาเลเซียในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 3 เท่า ประการที่ห้า สิ่งที่น่าวิตกไม่ใช่เพียงการรองรับปริมาณขยะพลาสติกมหาศาลจากประเทศอื่น หากแต่เป็นความกังวลว่าความเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ส่วนบุคคล โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อส่วนรวม จะทำให้เกิดการลักลอบเปิดโรงงานรับจัดการขยะพลาสติกเถื่อนที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขทางกฎหมาย ที่รับเงินค่ารีไซเคิลขยะพลาสติกมา แต่เอาเข้าจริงกลับนำมาฝังกลบในดินหรือเผาทิ้งแทน ซึ่งทำให้สังคมที่อยู่รอบๆ โรงงานที่ว่าเดือดร้อนด้านสุขอนามัย เพราะสารพิษจากการเผาขยะเหล่านั้น ประการที่หก ประเทศเป้าหมายปลายทางยังไม่ตื่นตัว หรือทำการปรับเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมปัญหาที่จะเกิดขึ้นดังกล่าวในเชิงนโยบายอย่างเพียงพอ หรือเป็นรูปธรรมที่จะทำให้เกิดความสบายใจในเรื่องมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและผู้คนดังกล่าว และหากจะมีการควบคุมทางด้านกฎหมายที่เข้มงวด รัดกุมมากขึ้นจริง ก็จะทำให้ปัญหาการผ่องถ่ายขยะพลาสติกของประเทศต้นทางไม่ได้รับการแก้ไขอยู่ดี Manager online 06.11.18
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม
This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทรศัพท์ : 0 2201 7252-6 โทรสาร : 0 2201 7251,65 e-mail : info@dss.go.th
Wednesday March 18, 2020 7:31 PM 8:49 PM หน่วยงานนี้ทำข้อมูลโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการศึกษาค้นคว้าเท่านั้น มิใช่เพื่อการแสวงหาผลกำไร