นักวิชาการ ห่วงแนวคิดเกษตรกรปลูก “กัญชา” ส่งออก อาจสร้างภาระให้คนปลูก เหตุต้องควบคุมคุณภาพในฐานะพืชยา แต่หนุนแพทย์แผนไทยปลูกใช้เอง อยู่ระหว่างหารือ ป.ป.ส. ออกระเบียบให้ชัด ด้านประธานบอร์ด อภ. ย้ำ ปลูกกัญชาต้องได้สารสำคัญคงที่ ไม่มียาฆ่าแมลง และโลหะหนักปนเปื้อน ถึงส่งออกได้ ผศ.ดร.วิเชียร กีรตินิจกาล อาจารย์คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะผู้พัฒนาสายพันธุ์กัญชาเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ให้แก่องค์การเภสัชกรรม กล่าวถึงกรณีข้อเสนอให้กลุ่มเกษตรกรรวมตัวเป็นวิสาหกิจชุมชนปลูกกัญชาเพื่อส่งออก ว่า ทุกวันนี้มีการสื่อข่าวออกไปว่า กัญชาสามารถขายได้กิโลกรัมละ 5 แสนบาท และอยากให้ประชาชนทั่วไปปลูกเพื่อส่งออกได้ คำถาม คือ จะสามารถส่งออกได้จริงหรือ และสุดท้ายอาจก่อภาระให้แก่คนปลูกก็ได้ เนื่องจากกัญชาที่จะส่งออกถือเป็นพืชยา ที่จะต้องได้คุณภาพ และการส่งระหว่างประเทศไม่ได้ซื้อกันได้ง่ายๆ จึงต้องถามว่าที่จะให้ปลูกคำตอบคือเพื่ออะไร “ในต่างประเทศ ยกตัวอย่าง แคนาดาที่แม้จะให้ประชาชนสูบกัญชาเสรี แต่การปลูกกัญชาไม่ใช่เรื่องเสรี ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท แต่มีรัฐเดียวที่อนุญาตให้ปลูกโดยต้องเป็นคนไข้ และต้องมาขออนุญาตปลูกได้ 6 ต้น เพราะฉะนั้น แม้จะให้สูบเสรีก็คุมการปลุกด้วย นอกจากนี้ วิธีการปลูกต้องได้ตามมาตรฐาน ซึ่งจะปลูกโดยทั่วไปไม่ได้ เพราะหากปลูกลงดินทั่วไปจะเห็นได้ว่า กัญชานั้นจะดูดโลหะหนัก ซึ่งแม้แต่สภาการแพทย์แผนไทยเองก็ยอมรับว่า หากจะให้แพทย์แผนไทยปลูกเพื่อใช้เองในการรักษาผู้ป่วยตามตำรับยา ก็จะต้องปลูกในกระถาง แล้วต้องเลือกดิน แต่จะปลูกลงดินเลยไม่ได้” ผศ.ดร.วิเชียร กล่าว ผศ.ดร.วิเชียร กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอที่จะให้แพทย์แผนไทยปลูกและใช้ในการรักษาได้นั้น ตนเห็นด้วยว่า ควรที่จะให้แพทย์แผนไทยสามารถทำได้เอง คือ ปลูกเอง ใช้เองได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการประชุมร่วมกับทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ป.ป.ส.) อยู่ว่า หากจะให้ปลูกและใช้ได้เองนั้น จะต้องออกระเบียบในการปลูกอย่างไรเพื่อให้เกิดความเหมาะสม แต่ไม่ใช่ปล่อยเสรีว่า ทุกคนจะปลูกได้ ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) กล่าวว่า การปลูกเพื่อส่งออกนั้น จะต้องให้ได้ตามเมดิคัลเกรด เพราะเป้นการส่งออกเพื่อนำไปใช้ในทางการแพทย์ ดังนั้น สารสำคัญในกัญชาต้องคงที่ ไม่มีโลหะหนัก เพราะกัญชาเมื่อปลูกในดินแล้วจะดูดธาตุโลหะหนักไว้ ที่สำคัญ ยังมีปัญหาเรื่องแมลงอีก ก็ต้องปลูกโดยที่ไม่ให้มียาฆ่าแมลง เพราะหากปนเปื้อนทั้งยาฆ่าแมลง และโลหะหนักเข้าไป ก็ใช้ทำเป็นยาไม่ได้ ซึ่งตนไม่แน่ใว่า หากให้ชาวบ้านปลูกจะขายใครเพื่อทำอะไร ซึ่งตรงนี้ตนมองว่าคงแล้วแต่ทางภาคนโยบาย Manager online 16.12.18
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม
This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทรศัพท์ : 0 2201 7252-6 โทรสาร : 0 2201 7251,65 e-mail : info@dss.go.th
Wednesday March 18, 2020 7:31 PM 8:49 PM หน่วยงานนี้ทำข้อมูลโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการศึกษาค้นคว้าเท่านั้น มิใช่เพื่อการแสวงหาผลกำไร