ข้อมูลจากงานวิจัยเผยเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา เยอรมันใช้พลังงานหมุนเวียนแซงหน้าพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว โดยมีสัดส่วนพลังงานสะอาดถึง 40% ขณะที่พลังงานถ่านหินอยู่ที่ 38% นับเป็นการใช้พลังงานมากกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นครั้งแรก การใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของเยอรมันนี้ แสดงถึงความก้าวหน้าของชาติที่มีเศรษฐกิจใหญ่สุดของยุโรปนี้ ซึ่งตั้งเป้าหมายใช้พลังงานหมุนเวียนให้ได้ถึง 65% ของทั้งหมดภายในปี 2030 รวมถึงจะยกเลิกพลังงานนิวเคลียร์ภายในปี 2022 และกำลังวางแผนหาทางออกระยะยาวสำหรับพลังงานถ่านหิน รอยเตอร์อ้างงานวิจัยจากองค์กรด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์ฟรอโนเฟอร์ (Fraunhofer) ที่เผยให้เห็นว่า พลังงานผลิตกระแสไฟฟ้าในเยอรมนีจากแสงอาทิตย์ ลม และชีวมวล รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำเพิ่มขึ้น 4.3% โดยผลิตกระแสไฟฟ้าทั้งหมด 219 เตตะวัตต์ชั่วโมง (Twh) ขณะที่กำลังการผลิตไฟฟ้าของเยอรมนีทั้งเชื้อเพลิงสะอาดและเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมด 542 เตตะวัตต์ชั่วโมง ส่วนเชื้อเพลิงถ่านหินคิดเป็นปริมาณ 38% ของพลังงานทั้งหมด สัดส่วนพลังงานสะอาดในการผลิตกระแสไฟฟ้าของเยอรมันเพิ่มขึ้นจาก 38.2% ในปี ค.ศ.2017 โดยเมื่อปี ค.ศ.2010 มีสัดส่วนเพียง 19.1% ซึ่ง บรูโน เบอร์เกอร์ (Bruno Burger) ผู้เขียนรายงานวิจัยจากการศึกษาของฟรอโนเฟอร์นี้ กล่าวว่าภายในปี ค.ศ.2019 สัดส่วนจะเพิ่มมากกว่า 40% และจไม่ลดต่ำกว่านี้อย่างแน่นอน เนื่องจากกำลังก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น อีกทั้งรูปแบบของสภาพอากาศจะไม่แปรปรวนไปมาก Manager online 06.01.19
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม
This site is copyright @ 2005 สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 75/7 ถ.พระรามหก แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400 โทรศัพท์ : 0 2201 7252-6 โทรสาร : 0 2201 7251,65 e-mail : info@dss.go.th
Wednesday March 18, 2020 7:31 PM 8:49 PM หน่วยงานนี้ทำข้อมูลโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการศึกษาค้นคว้าเท่านั้น มิใช่เพื่อการแสวงหาผลกำไร