โครงการฝนหลวง
"...กิจการฝนเทียมก็เป็นผลที่ดี
เพื่อให้กิจการฝนเทียมได้ผลดียิ่ง
จะต้องอาศัยหลายอย่างนอกจากเงินสำหรับค่าใช้จ่ายนั้นก็ต้องมีความร่วมมือกันระหว่าง
ทุกฝ่าย ทางด้านวิชาการก็ต้องค้นคว้าอยู่เสมอว่าลักษณะใดจะทำฝนเทียมได้เป็นผลสำเร็จ
และต้องพยายามหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ..."
พระราชดำรัส
พระราชทานแก่คณะชาวสวนจันทบุรี
ณ ศาลาดุสิดาลัย
สวนจิตรลดา
๒๓ พฤศจิกายน
๒๕๑๕
แนวพระราชดำริเกี่ยวกับโครงการฝนหลวง
จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ
เยี่ยมราษฎรในจังหวัดต่างๆ
เป็นประจำได้ทรงพบเห็นปัญหาทุกข์ยากของพสกนิกรอันเนื่องจากสภาวะ
แห้งแล้งดังกล่าวข้างต้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูเพาะปลูก
เกษตรกรจะประสบความเดือดร้อนทุกข์ยากมากเนื่องจากบางครั้งฝนได้ทิ้งช่วงนานหรือภาวะฝนทิ้ง
ช่วงเกิดในระยะวิกฤตของพืชผล
คือ พืชอยู่ในระยะที่ผสมพันธุ์และกำลังให้ผลผลิต
ซ ึ่งเป็นช่วงสำคัญที่พืชต้องการน้ำมาก
หากขาดน้ำในระยะดังกล่าวนี้
จะให้ผลผลิตต่ำหรืออาจไม่มีผลผลิตให้เลย
ดังนั้นภาวะฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วงในแต่ละครั้ง/แต่ละปี
จึงสร้างความเดือดร้อนและความสูญเสียทางเศรษฐกิจและ
สังคมเป็นอย่างสูง
นอกจากนี้ภาวะความต้องการใช้น้ำมันนับวันจะทวีปริมาณความต้องการเพิ่มสูงขึ้นตามอัตราการเพิ่มของประชากรการขยาย พื่นที่
ี่เกษตรกรรมและการเจริญเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรม
ดังนั้น เป็นเวลาเกือบ
10 ปีก่อนที่จะเริ่มโครงการพระราชดำริฝนเทียม
หรือฝนหลวง
ในปี พ.ศ.2512ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทุ่มเท
เวลาคิดค้นและวิจัยเพื่อที่จะนำเทคโนโลยีการทำฝนในประเทศไทยซึ่งอยู่
ในภูมิภาคเขตร้อนมาใช้เป็นมาตรการหนึ่งในการป้องกันและบรรเทาสภาวะ
แห้งแล้งนอกเหนื
จากการบำรุงรักษาต้นน้ำลำธาร
การปลูกป่า
และการสร้างระบบชลประทานเพื่อให้ครบวัฏจักรของน้ำ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยสำนักงานปฏิบัติการฝนหลวงได้ดำเนินการสนองพระราชดำริในการจัดตั้งโครงการค้นคว้าทดลองการทำฝนเทียม
และการทดลองกับเมฆในท้องฟ้าเป็นครั้งแรกในปี
พ.ศ.2512โดยการโปรยน้ำแข็งแห้ง
(คาร์บอนไดออกไซด์แข็ง)
จากเครื่องบินเข้าสู่ยอดของเมฆคิวมูลัส
ซึ่งเป็นเมฆชนิดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปฏิบัติการให้เกิดฝน
โดยขึ้นบินปฏิบัติการทดลองครั้งแรกเมื่อวันที่
20 กรกฏาคม พ.ศ.2512ณ
บริเวณ
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
เมฆที่ทดลองเป็นเมฆคิวมูลัส
ฐานสูงประมาณ
3,900 ฟุต ยอดสูงประมาณ
5,600 ฟุต ปรากฎว่าหลังการปฏิบัติการประมาณ
15 นาที
ก้นเมฆรวมตัวกันหนาแน่น
ก่อยอดสูงและมีขนาดใหญ่ขึ้น
สีของฐานเมฆได้เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเทาเข้ม
พร้อมที่จะตกเป็นฝน
แต่ไม่สามารถสังเกตเห็นฝนตก
ได้เพราะยอดเขาบังต่อมา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงแนะนำให้เปลี่ยนสถานที่ทดลองจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
อำเภอปากช่อง
จังหวัดนครราชสีมา
ไปใช้บริเวณศูนย์โครงการพัฒนาชนบทไทย-อิสราเอล
อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรีและศูนย์โครงการพัฒนาหมู่บ้านเขาเต่า
อำเภอหัวหิน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
์ เป็นสถานที่เป้าหมายทดลอง
เพราะบริเวณพื้นที่ทั้งสองแห่งดังกล่าวได้ประสบความแห้งแล้งติดต่อกันมาหลายปี
การติดตามสังเกตการทดลองทำได้ดีกว่าเพราะสามารถขอความร่วมมือ
จากตำรวจตระเวนชายแดน
ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวเทือกเขาตะนาวศรีด้านตะวันตก
บริเวณเหนือลมของพื้นที่เป้าหมายทดลองและรายงานผลได้อย่าง
รวดเร็ว โดยผ่านข่ายสื่อสารของกรมตำรวจ
และหากมีฝนตกมากเกินความต้องการก็สามารถระบายลงสู่ทะเลได้
ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดอุทกภัยทำความเสียหาย
แก่ราษฎรด้วย
ดังนั้น
สถานที่สำหรับดำเนินการทดลองปฏิบัติการในระยะต่อมาจึงเป็นบริเวณพื้นที่ดังกล่าวข้างต้น
และผลการทดลองต่อๆ
มา ก็สามารถทำให้เกิดฝนตก
หนักในพื้นที่เป้าหมายได้
ในปี
พ.ศ. 2498 ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
เสด็จพระราชดำเนินโดยพระราชพาหนะเครื่องบินพระที่นั่ง เพื่อทรงเยี่ยมเยียนทุกข์
์สุขของพสกนิกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือย่านบริเวณเทือกเขาภูพาน
ทรงพบเห็นว่าภาวะแห้งแล้งได้ทวีความถี่และมีแนวโน้มจะรุนแรงยิ่งขึ้นเป็นลำดับนั้น
น่าจะมีสาเหตุเกิดขึ้นจากการผันแปร
และคลาดเคลื่อนของฤดูกาล
ตามธรรมชาติ อีกทั้งการตัดไม้ทำลายป่าอาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สภาพแวดล้อม
มีการเปลี่ยนแปลงไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้สภาพอากาศจากพื้นดินถึงระดับฐานเมฆไม่เอื้ออำนวยต่อการกลั่นตัวของไอน้ำที่จะก่อตัวเกิดเป็นเมฆและทำให้ยากต่อการ
เหนี่ยวนำให้เกิดฝนตกลงสู่พื้นดิน
จึงมีฝนตกน้อยกว่าปกติหรือไม่มีฝนตกเลยทรงสังเกตว่ามีเมฆปริมาณมากปกคลุมเหนือพื้นที่ระหว่างเส้นทางบิน
แต่ไม่สามารถก่อรวมตัวจนเกิดเป็นฝนตกได้ เป็นเหตุให้เกิดสภาวะฝนทิ้งช่วงเป็นระยะเวลายาวนานทั้ง
ๆ ที่เป็นช่วงฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
ซึ่งเป็นฤดูฝน
เกิดสภาพความแห้งแล้งทั่วพื้นที่
ทั้ง ๆ ท้องฟ้ามีเมฆมาก
คือ "จุดประกายข้อสังเกต"
ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ในขณะที่พระองค์ท่าน
ได้เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมประชาชนและทอดพระเนตรเห็นแต่ความแห้งแล้งเกิดขึ้นทั่วไป
ทั้ง ๆ ที่ท้องฟ้ามีเมฆปกคลุมอยู่นอกจากนี้ได้ทรงพบเห็น
ท้องถิ่นหลายแห่งประสบปัญหาพื้นดินแห้งแล้ง
หรือการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค
และทำการเกษตร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูเพาะปลูก
เกษตรกร
มักจะประสบความเดือดร้อนทุกข์ยากมาก
เนื่องจากบางครั้งเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงในระยะวิกฤติของพืชผล
กล่าวคือ หากขาดน้ำในระยะดังกล่าวนี้จะทำให้ผลผลิตต่ำ
หรืออาจไม่มีผลผลิตให้เลยรวมทั้ง
อาจทำให้ผลผลิตที่มีอยู่เสียหายได้ การเช่นนี้เมื่อเกิดภาวะฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วงในคราใดของแต่ละปี
จึงสร้างความเดือดร้อนอย่างสาหัสและก่อให้เกิดความ
สูญเสียทางเศรษฐกิจแก่เกษตรกรอย่างใหญ่หลวง
นอกจากนี้ภาวะความต้องการใช้น้ำของประเทศนับวันจะทวีปริมาณความต้องการสูงขึ้นอย่างมหาศาล
เพราะการขยายตัวเจริญเติบโต
ทางด้านอุตสาหกรรม
เกษตรกรรม และการเพิ่มขึ้นของประชากร ซึ่งส่งผลให้ปริมาณน้ำต้นทุนจากทรัพยากรน้ำมีอยู่ไม่เพียงพอ
ตัวอย่างนี้เห็นได้ชัดคือ
..ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลลดลงอย่างน่าตกใจ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานสัมภาษณ์เกี่ยวกับฝนหลวงแก่
ข้าราชการสำนักงาน
กปร. ณ
พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ".......เรื่องฝนเทียมนี้เริ่มตั้งแต่
พ.ศ. 2498 แต่ยังไม่ได้ทำอะไรมากมาย
เพราะว่าไปภาคอีสานตอนนั้นหน้าแล้งเดือนพฤศจิกายน
ที่ไปมีเมฆมาก
อีสานก็แล้ง
ก็เลยมีความคิด
2 อย่าง ต้องทำ
check dam.... ตอนนั้นเกิดความคิดจากนครพนม
ผ่านสกลนครข้ามไปกาฬสินธุ์
ลงไปสหัสขันธ์ที่เดี๋ยวนี้เป็นอำเภอ
สมเด็จ....ไปจอดที่นั่นไปเยี่ยมราษฎรมันแล้ง
มีฝุ่น..." "...แต่มาเงยดูท้องฟ้า
มีเมฆ ทำไมมีเมฆอย่างนี้ทำไมจะดึงเมฆนี้
ให้ลงมาได้ ก็เคยได้ยินเรื่องทำฝนก็มาปรารภกับคุณเทพฤทธิ์
ฝนทำได้มีหนังสือ
เคยอ่านหนังสือทำได้
..."
โครงการพระราชดำริฝนหลวง
เป็นโครงการที่ก่อกำเนิดจากพระมหากรุณาธิคุณ
ที่ทรงห่วงใยในความทุกข์ยากของพสกนิกรในท้องถิ่นทุรกันดาร
ที่ต้องประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ
เพื่ออุปโภคบริโภค
และเกษตรกรรม
อันเนื่องมาจากภาวะแห้งแล้งซึ่งมีสาเหตุมาจากความผันแปร
และคลาดเคลื่อนของฤดูกาล
ตามธรรมชาติ
กล่าวคือ ฤดูฝนเริ่มต้นล่าเกินไป
หรือหมดเร็วกว่าปกติหรือฝนทิ้งช่วงยาวในช่วงฤดูฝนจากพระราชกรณียกิจ
ในการเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยม
พสกนิกร ในทุกภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
สม่ำเสมอนับแต่เสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติจนตราบเท่าทุกวันนี้
ทรงพบเห็นว่าภาวะแห้งแล้ง
ได้ทวีความ
ถี่ และมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงยิ่งขึ้นตามลำดับ
เพราะนอกจากความผันแปรและคลาดเคลื่อนของฤดูกาลตามธรรมชาติแล้ว
การตัดไม้ทำลายป่า
ยังเป็นสาเหตุ
ุให้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎร
ในทุกภาคของประเทศ
ทำความเสียหายแก่เศรษฐกิจ
โดยรวมของชาติเป็นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี
ตามเส้นทางที่เคยเสด็จพระราชดำเนิน
ทั้งภาคพื้นดิน
ทางอากาศยานดังกล่าว
ทรงสังเกตเห็นว่ามีเมฆปริมาณมากปกคลุมท้องฟ้า
แต่ไม่สามารถ
ก่อรวมตัวกัน
จนเกิดเป็นฝนได้
เป็นเหตุให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงระยะยาวทั้ง
ๆ ที่เป็นช่วงฤดูฝน
ทรงคิดคำนึงว่า
น่าจะมีมาตรการทางวิทยาศาสตร์ที่จะช่วยให้
เมฆเหล่านั้นก่อรวมตัวกันจนเกิดเป็นฝนได้
ทรงเชื่อมั่นว่าด้วยลักษณะของกาลอากาศ
ภูมิอากาศ และภูมิประเทศของประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคเขตร้อน
และอยู่ในอิทธิพลของฤดูมรสุมของทวีปเอเชียโดยเฉพาะฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นฤดูฝน
และเป็นฤดูเพาะปลูกประจำปีของประเทศไทย
จะสามารถดัด
แปรสภาพอากาศ
ให้เกิดเป็นฝนตกได้
อย่างแน่นอน
ตามที่ทรงเล่าไว้ใน
RAINMAKING
STORY จาก พ.ศ. 2498 เป็นต้นมา
ทรงศึกษาค้นคว้า
และวิจัยทางเอกสาร
ทั้งด้านวิชาการอุตุนิยมวิทยา
และการดัดแปรสภาพอากาศ
ซึ่งทรงรอบรู้
และเชี่ยวชาญ
เป็นที่ยอมรับทั้งใน
และต่างประเทศ
จนทรงมั่นพระทัยจึงพระราชทานแนวคิดนี้แก่
ม.ร.ว.เทพฤทธิ์
เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญในการวิจัยประดิษฐ์ทางด้านเกษตรวิศวกรรม
ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขณะนั้น
ในปีถัดมา และทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ให้หาลู่ทางที่จะทำให้เกิดการทดลองปฏิบัติการในท้องฟ้าให้เป็นไปได้
|